LPN ส่งสัญญาณคอนโดฯล้น แบงก์คุมเข้มสินเชื่อรายย่อย ขยับหนีความเสียง ขยายฐานลงทุนโครงการแนวราบเพิ่ม คาดรายได้สิ้นปี 12,000 ล้านส่วนปี 62 ตั้งเป้ารายได้ 14,000 ล้าน ขณะที่แบ็กล็อกมีกว่า 4,800 ล้านบาท ชี้ภาพรวม สถานการณ์ที่อยู่อาศัยปี 62 มีสัญญาณบวก หลังภาพการเลือกตั้งชัดเจน
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถานการณ์ที่อยู่อาศัยภาพรวม อยู่ในสภาวะล้นตลาด โดยเฉพาะระดับราคา 3 ล้านบาทขึ้นไป ผนวกกับสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรายย่อย ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมชะลอ”
“ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2561 นี้ไม่ดีนัก โดยเฉพาะไตรมาสที่ 3 นี้ยอดขายและยอดโอนในตลาดรวมมีการปรับตัวลดลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว”
โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ตลาด ในปีนี้ปรับตัวลดลงคือ การเพิ่มขึ้นของยูนิตใหม่ที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะคอนโดระดับราคา 3 ล้านบาท ทำให้เกิดปัญหาโอเวอร์ซับพลายในทุกทำเล ส่วนตลาดระดับบนยังดีอยู่ ขณะที่ตลาดระดับล่างราคา ต่ำกว่า 1 ล้านบาทลงไปยังมีดีมานด์สูง แต่ขาดซับพลายเข้ามารองรับ เพราะซับพลายคอนโดต่ำกว่า 1 ล้านบาทแทบไม่มีเข้าสู่ตลาด
นอกจากปัจจัยเรื่องซับพลายล้นตลาดแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดชะลอตัวคือ การเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และปัญหาการเก็งกำไรของนักลงทุน โดยในช่วงที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาแสดงความกังวลในเรื่องดังกล่าว จนทำให้สถาบันการเงินเริ่มเข้มงวดการพิจารณาปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ แม้ว่าดีมานด์ในตลาดจะยังมีอยู่มากและลูกค้าจะมีกำลังซื้อดี แต่สถาบันการเงินมีการเข้มงวดด้านสินเชื่อมากขึ้น โดยปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าในวงเงิน 80-90% ของราคาเต็ม ทำให้ลูกค้าไม่สามารถซื้อห้องชุดได้
ส่วนในปี 62 คาดว่าแนวโน้มตลาดคอนโดน่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากในปี 2562 จะมีปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งเข้ามาทำให้การตัดสินใจซื้อและกำลังซื้อที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามปัญหาซับพลายล้นตลาดที่ยังมีอยู่ ทำให้ในปีหน้า LPN มีแผนปรับเพิ่มการลงทุนในโครงการแนวราบมากขึ้นในปีหน้า ซึ่งตั้งเป้าว่าในปี 2563 LPN จะมีสัดส่วนรายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบเป็น 10% ของรายได้รวม
“กลุ่มสินค้าแนวราบของบริษัทในตลาดพรีเมียมนั้นจะมีราคาขายที่ระดับ 15 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มบ้านในตลาดบนจะมีราคาขายระดับ 10 ล้านบาทขึ้นไป ขณะที่กลุ่มบ้านระดับกลางจะมีราคาขายในระดับ 3-5 ล้านบาท”
ทั้งนี้ ในปี 2562 LPN จะมีการลงทุนพัฒนาและเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ประมาณ 1 เท่าตัว โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้งบในการซื้อที่ดินสะสมรอการพัฒนาเข้ามาแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากกว่าในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีถัดๆ ไป ประกอบกับที่ดินสะสมในมือลดลงไปจำนวนมาก ทำให้ต้องซื้อที่ดินสะสมเข้ามาเพิ่ม
นายโอภาส กล่าวว่า สำหรับในไตรมาส 4 ของปีนี้ LPN มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 6 โครงการ แบ่งออกเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการรวมมูลค่า 5,000 ล้านบาทเศษ และโครงการบ้านแนวราบ 3 โครงการมูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท หรือมีมูลค่าเฉลี่ยโครงการละ 500 ล้านบาท โดยในส่วนของโครงการคอนโดนั้นจะเปิดตัวใน 3 ทำเล ประกอบด้วย ทำเลย่านงามวงศ์วาน สุขุมวิท ซึ่งจะอยู่ในในย่านสุขุมวิท 62 และทำเลในย่านถนนนราธิวาสฯ-รัชดา ส่วนโครงการแนวราบ 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.บ้านเดี่ยวในทำเลย่านอ่อนนุช 44 โดยจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป 2.ทำเลย่านพระราม 2 – ท่าข้าม ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 2-3 ล้านบาท และ 3. โครงการทาวน์โฮม ในย่านสุขุมวิท 113 ซึ่งเดิมเป็นทำเลที่เตรียมไว้พัฒนาคอนโด แต่ปรับมาเป็นการพัฒนาโครงการประเภททาวน์โฮมระดับราคา 2-3 ล้านบาทแทน
“ในปี 2561 นี้บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขายรวม (Presale) อยู่ที่ 18,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 14,000 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการแนวราบ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายรวมแล้วประมาณ 12,000 ล้านบาท มาจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 10,000 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบประมาณ 2,000 ล้านบาท”