ธอส. รับนโยบายนายกรัฐมนตรี เร่งช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ลงพื้นที่แจกถุงยังชีพในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

676

ธอส. รับนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัย ณ วัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 300 ชุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน พร้อมให้คำปรึกษาแนวทางช่วยเหลือผ่าน 7 มาตรการ ตาม“โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2564” 

นายยุทธนา หยิมการุณ ประธานกรรมการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมน ตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้รัฐมนตรี รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ ร่วมกันลงพื้นที่ประสบอุทกภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วนนั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ สังกัดกระทรวงการคลัง ได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมกับให้ความช่วยเหลือลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องผ่าน “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปี 2564”  และในวันนี้ (14 ตุลาคม 2564) ผู้บริหาร และผู้ปฏิบัติงานของธนา คาร นำโดย นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. จึงได้ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ จำนวน 300 ชุด ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ณ บริเวณวัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และยังได้รับฟังความต้อง การของประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวมถึงให้คำแนะนำแนวทางความช่วยเหลือของธนาคารทั้ง 7 มาตรการตาม “โครงการเงินกู้ที่อยู่อาศัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ทางธรรมชาติ ปี 2564” กรอบวงเงินรวมของโครงการ 100 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการลดดอกเบี้ย ให้กู้เพิ่ม/กู้ใหม่อัตราดอกเบี้ยต่ำ มาตรการประนอมหนี้ ปลอดหนี้ และพิจารณาสินไหมเร่งด่วนให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนได้รับทราบ โดยมีเจ้าหน้าที่ธนาคารเปิดจุดบริการพิเศษเพื่อรับคำขอเข้ามาตรการและให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่ง ธอส. ยืนยันว่าพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลง

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงปัจจุบัน ธอส. ได้ส่งมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยมาแล้วกว่า 3,000 ชุด ให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างภาคกลาง ภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 13 จังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ด้วยความห่วงใยและตระหนักถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อีกทั้งเป็นการสร้างจิตสำนึกในการเป็นจิตอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคมให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

               

 

Leave A Reply

Your email address will not be published.