“สิงห์ เอสเตท” เผยแผนธุรกิจคอมเมอร์เชียล เตรียมงบลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท

1,186

“สิงห์ เอสเตท” เผยแผนธุรกิจคอมเมอร์เชียล เตรียมงบลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการอีก 170,000 ตร.ม เจาะตลาดไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)

 

 “สิงห์ เอสเตท” ตอกย้ำการเป็นผู้นำ Premier Lifestyle Developer เผยธุรกิจคอมเมอร์เชียลในกรุงเทพมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากแผนการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนของรัฐบาล พร้อมประกาศเดินหน้าพัฒนาโครงการคอมเมอร์เชียลอีกกว่า 170,000 ตร.ม. ด้วยงบลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท ชูกลยุทธ์เติบโตแบบยั่งยืน (Sustainable growth) เน้นการเลือกทำเลที่มีศักยภาพมีโอกาสเติบโตสูง นำเสนอไลฟ์สไตล์ประสบการณ์ใหม่ สร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่สังคมและสิ่งแวดล้อม

 

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S” กล่าวถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจด้านคอมเมอร์เชียลของ สิงห์ เอสเตท ว่า บริษัทฯ วางแผนธุรกิจด้านคอมเมอร์เชียล 5 ปี เจาะตลาดพรีเมียม หลังจากโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ เดอะ ลักชัวรี มิกซ์ ยูส ประสบความสำเร็จและมีการเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปัจจุบันเทรนด์ธุรกิจมิกซ์ยูสในกรุงเทพมหานครมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญมาจากการขยายก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนของรัฐบาล ทำให้เกิดการพัฒนายกระดับหลายพื้นที่สู่การเป็นย่านธุรกิจ พาณิชยกรรม และที่พักอาศัยใหม่ๆ ซึ่งความท้าทายที่สำคัญคือการสร้างเมืองที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน การพัฒนาโครงการในปัจจุบันจะมุ่งเน้นเรื่องการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การนำสมาร์ทเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก แต่สิ่งที่ควรจะพิจารณาเพิ่มเข้ามาคือ การผสมผสานชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนเข้ามา ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ มีอัตลักษณ์ ที่จะสามารถดึงดูดทุกคนเข้ามา ทำให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต

72990

“สำหรับ สิงห์ เอสเตท ธุรกิจด้านคอมเมอร์เชียล มีความสำคัญในการสร้างการเติบโตในระยะยาวให้กับ
สิงห์ เอสเตท เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ประจำที่มั่นคง (recurring income) โดยบริษัทฯ จะขยายธุรกิจผ่านการพัฒนาโครงการใหม่ และการเข้าลงทุน(M&A) เมื่อสินทรัพย์มีการเติบโตถึงระดับที่เหมาะสม เราสามารถนำทรัพย์สินเหล่านี้ ขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า (REIT)  เพื่อระดมเงินทุนสำหรับรองรับโอกาสทางธุรกิจในอนาคต  ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นธุรกิจนี้ยังเป็นธุรกิจที่จะมีส่วนในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและไลฟ์สไตล์ใหม่ๆให้กับทุกคน รวมถึงด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ที่สังคมและชุมชนรอบข้างสามารถมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชุมชนร่วมกัน” นายนริศกล่าว

บริษัทฯ นำแนวคิด Premier Lifestyle Developer ในการพัฒนาธุรกิจคอมเมอร์เชียลเพื่อนำเสนอไลฟ์สไตล์ประสบการณ์ใหม่ในทุกมิติ นอกเหนือจากการพัฒนาโครงการในทำเลศักยภาพ การออกแบบและจัดสรรพื้นที่อย่างพิถีพิถัน  การสรรหาร้านค้าที่ดีตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียบพร้อมแล้ว สิ่งที่บริษัทฯ จะสร้างความโดดเด่นและแตกต่าง จะมีใน 3 มิติ  โดยมิติแรก คือ การดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้างผ่านการพัฒนาอย่างยั่งยืน อาทิ การรักษาต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่เดิม (Urban Sanctuary) ของโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ การก่อสร้างและบริหารอาคารแบบประหยัดพลังงานตามมาตรฐานสากล (Energy Saving) การให้องค์ความรู้บริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพผ่านโครงการ Sea You Tomorrow ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการสร้างขยะทะเล (Marine Debris) จากขยะในเมืองได้เป็นอย่างดี 

 

มิติที่ 2 การให้บริการและการประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า ผ่านการผสมผสานระหว่าง Human Touch และ SMART Technology อย่างลงตัว โดยบริษัทฯ มีการลงทุนใน Smart Technology ที่เหมาะสม ใช้งานได้สะดวกในชีวิตจริง สามารถดูแลบำรุงรักษาและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อผสานกับทีมบุคลากรที่พร้อมให้บริการอย่างเอาใจใส่ ดูแลลูกค้าอย่างเป็นมิตร จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและได้รับความสะดวกสบาย จากบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ  สำหรับโครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ ได้มีการพัฒนาแอพพลิเคชั่น S Life สำหรับผู้ใช้อาคาร สิงห์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เช่น การเข้าออกประตูที่กั้นลิฟต์ การจ่ายเงินในศูนย์อาหาร foodPLACE ด้วยระบบ QR code และบริการ Super  Wifi ความเร็วสูงถึง 1GB/sec

 

ในมิติที่ 3 การสร้างสังคมที่มีความสุข Sharing Community มีการแบ่งปัน เกื้อกูล และเคารพวัฒนธรรมท้องถิ่นของชุมชนที่อยู่มาแต่เดิม ดึงให้ชุมชนได้มามีส่วนร่วมกับโครงการด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ การผสมผสานวิถีชีวิตใหม่กับวิถีดั้งเดิมทําให้โครงการมีเสน่ห์และอัตลักษณ์ที่จะดึงดูดคนจากที่ต่าง ๆ ให้เข้ามา เช่น แอมฟิเธียร์เตอร์ในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ชุมชนรอบข้างสามารถเข้ามาใช้พื้นที่ทำงาน หรือทำกิจกรรมด้านศิลปะต่างๆ ร่วมกัน

 

“สำหรับ สิงห์ เอสเตท ปัจจุบันได้มีแผนการพัฒนาโครงการมิกส์ยูสโครงการใหม่ที่ใช้ชื่อโค้ดเนมว่า Oasis บนถนนวิภาวดี-รังสิต มูลค่า 3,695 ล้านบาท บนถนนวิภาวดี-รังสิต โดยโครงการฯ มีความสูงของอาคารสำนักงานทั้งสิ้น 36 ชั้น โดยมีพื้นที่ให้เช่า (NLA) ประมาณ 53,000 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นพื้นที่สำนักงาน และ พื้นที่ค้าปลีกบางส่วน ทั้งนี้ จะใช้เวลาในการพัฒนาโครงการประมาณ 3 ปีนับตั้งแต่ต้นปี 2562 รวมถึงโครงการครอสโร้ด ที่ประเทศมัลดีฟส์ ส่วนในภาพรวมธุรกิจคอมเมอร์เชียลของบริษัทฯ ได้วางงบลงทุนไว้ประมาณ 15,000 ล้านบาทสำหรับ 5 ปี (2019-2023) จากปัจจุบันที่เรามีพื้นที่ให้เช่าจากอาคารซันทาวเวอร์ส และสิงห์ คอมเพล็กซ์ อยู่ประมาณ 130,000 ตร.ม. ตั้งเป้าอีก 5 ปีจะมีพื้นที่ทั้งหมด 300,000 ตร.ม. เพิ่มขึ้นอีก 170,000 ตร.ม. ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักที่สิงห์ เอสเตทให้ความสำคัญ” คุณนริศ กล่าวทิ้งท้าย

Leave A Reply

Your email address will not be published.