“ส.ธุรกิจรับสร้างบ้าน” ชงนายกฯ “ตู่” ดัน 3 แนวทาง ลดหย่อน “ภาษีบุคคลธรรมดา-ยกเว้นภาษีที่ดิน-ขึ้นทะเบียนบ.รับสร้างบ้านและลดอุปสรรคใบขออนุญาติก่อสร้างบ้าน
“สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน” เสนอ “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี 3 ประเด็น สนับสนุนช่วยผู้ต้องการปลูกสร้างบ้านเอง และเป็น Real Demand ผ่านมาตรการ ลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา 2% ของค่าปลูกสร้างบ้านแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในเวลา 5ปี และยกเว้นภาษีที่ดินไม่เกินคนละ 200 ตารางวา,การลงทะเบียนผู้ประกอบการรับสร้างบ้านให้อยู่ในระบบ และต้องการให้รัฐส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านอาชีวศึกษา พร้อมลดอุปสรรคธุรกิจด้วยการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขอใบอนุญาตก่อสร้างของภาครัฐ
นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builders Association : HBA)เปิดเผย หลังเข้าประชุม workshop กับภาคธุรกิจต่างๆ ตามแนวทาง “รวมไทยสร้างชาติ” ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน และจากทุกระดับของสังคม รวมทั้ง “สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน”เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 ที่ผ่านมาว่า ในที่ประชุมสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีในประเด็นต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยาว ซึ่งก็รวมถึงภาพรวมตลาดบ้านสร้างเองนั้นมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เห็นได้จากบ้านเดี่ยวที่ขออนุญาตก่อสร้างเองทั่วประเทศ(บ้านที่อยู่นอกโครงการจัดสรร) ในปี 2562มีถึง 100,657 หลังคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น208,675 ล้านบาท ในจำนวนนี้หากแยกเป็นบ้านเดี่ยวที่จดทะเบียนใหม่ในกรุเทพฯ และปริมณฑลในปี 2562ซึ่งเป็นบ้านที่ประชาชนสร้างเองมีจำนวน 18,029 หลัง เพิ่มขึ้น 3% ( จากปี 2561)
นอกจากนี้ ยังมีที่ดินว่างเปล่าไม่น้อยกว่า 120 ล้านตารางเมตร และในจำนวนนี้กว่า 50% อยู่ใน10 เขตหลักที่เป็นพื้นที่สำหรับสร้างบ้านเอง และในขณะเดียวกันมีบ้านที่สร้างเองที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไปมีจำนวน300,000 หลัง ที่พร้อมจะรื้อถอนและปลูกสร้างใหม่ ซึ่งผู้บริโภคที่ปลูกสร้างบ้านเองนั้นจะเป็นกลุ่มคนที่เก็บและออมเงินสำหรับปลูกสร้างบ้านของตนเองและเป็นReal Demand ซึ่งเป็นผู้ที่ต้องการสร้างบ้านเพื่ออยู่จริงไม่ใช่เพื่อเก็งกำไร ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้จะขอกู้ธนาคารเพียง 50% ด้วยเหตนี้ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจึงต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนในประเด็นหลักๆ คือ
ในประเด็นที่ 1. มาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในส่วนของผู้ที่ต้องการปลูกสร้างบ้านซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่กลุ่มธุรกิจบ้านสร้างเองไม่เคยอยู่ในข่ายที่ได้รับความช่วยเหลือ จึงขอให้รัฐบาลสนับสนุนผ่านมาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา 2%ของค่าปลูกสร้างบ้านแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ในเวลา 5 ปี (สามารถนำไปลดหย่อนเฉลี่ยเท่าๆกัน)ของรอบบัญชีภาษี และ มาตรการยกเว้นภาษีที่ดินให้ผู้มีที่ดินเปล่าไว้สำหรับปลูกสร้างบ้าน(บ้านหลังแรกหรือคนที่ไม่เคยมีบ้านเลย) ไม่เกินคนละ200 ตารางวา ซึ่งมาตรการดังกล่าวถ้าได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ก็จะทำให้บุคคลทั่วไปสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ทั้งที่มีที่ดินอยู่แล้วจะไม่ต้องขายออกไปเพื่อลดภาระภาษีหรือผู้ที่จะซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้รัฐก็ไม่ต้องเสียหายในเรื่องของภาษีส่วนนี้มากและยังแสดงถึงความเห็นใจประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือให้ประชาชนมีโอกาสที่จะมีบ้านได้ง่ายขึ้น
ประเด็นที่ 2. การลงทะเบียนผู้ประกอบการรับสร้างบ้านให้อยู่ในระบบทั้งนี้เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานและลดเรื่องการทิ้งงาน สร้างบ้านแล้วไม่ได้บ้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ อีกทั้งจะเป็นการที่ภาครัฐยังสามารถจัดเก็บภาษีเพื่อที่จะเข้ามาอยู่ในระบบอีกไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทต่อปี
ประเด็นที่ 3. ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรด้านอาชีวศึกษากล่าวคือ ปัจจุบันในภาคธุรกิจรับสร้างบ้านยังขาดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านอาชีวะเพื่อมาพัฒนางานด้านนี้อีกจำนวนมาก จึงอยากให้รัฐช่วยส่งเสริมเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่รวมถึงผู้ปกครองเห็นคุณค่าของงานด้านอาซีวะศึกษาและมีการพัฒนาต่อยอดงานด้านคุณวุฒิวิชาชีพให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น
นอกจากนี้นายวรวุฒิ ยังกล่าวด้วยว่า ยังมีกติกาของรัฐที่ยังเป็นอุปสรรคที่ต้องการให้มีการแก้ไข โดยเฉพาะในเรื่องการขออนุญาตปลูกสร้างตามเขตต่างๆมีควาล่าช้าและไม่ได้รับความสะดวก จึงต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขอใบอนุญาตก่อสร้างของภาครัฐมีการปฎิรูปให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น