“เศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะประชุมสภานโยบาย อววน. ย้ำเร่งยกระดับการศึกษา ผลิตบุคลากรทักษะสูง

259

“เศรษฐา” นั่งหัวโต๊ะประชุมสภานโยบาย อววน. ย้ำเร่งยกระดับการศึกษา ผลิตบุคลากรทักษะสูง รองรับอุตสาหกรรมอนาคต หนุนปั้นธุรกิจสตาร์ทอัพ พร้อมเคาะกรอบวงเงินด้าน อววน. ปี 68 รวม 1.5 แสนล้านบาท

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2567 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สภานโยบาย) ครั้งที่ 1/2567 โดยมี ยอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย (มท.) รองประธานคนที่หนึ่ง และ นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รองประธานคนที่สอง พร้อมด้วยรัฐมนตรี ผู้บริหารจากกระทรวง หน่วยงานต่าง ๆ และผู้ทรงคุณวุฒิ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการสภานโยบาย กล่าวภายหลังการประชุมว่า นายกรัฐมนตรีแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์ของประเทศไทยที่กำลังเผชิญปัญหาต่าง ๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ดังนั้นรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับยกระดับการศึกษา โดยมุ่งพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อววน.) ซึ่งเป็นพื้นฐานหลักในการเสริมสร้างแรงงานที่มีทักษะสูง สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน และยังช่วยสร้างอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ที่จะเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ ช่วยยกระดับรายได้ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

 

นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับธุรกิจสตาร์ทอัพ ที่ต้องมีความรู้เชิงลึก เชื่อว่ามียูนิคอร์นจำนวนมากที่รอคอยการถูกค้นพบในมหาวิทยาลัย หากได้รับการบ่มเพาะทักษะที่เหมาะสม เชื่อว่าจะก่อให้เกิดผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูงอีกมาก นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยต้องสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต (lifelong learning) ก่อให้เกิดการ upskill reskill ในทุกระดับ โดยได้เน้นย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญมากกับประเด็นด้านการศึกษา ฝากให้มหาวิทยาลัยปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และความต้องการของตลาดแรงงาน

72990

ในด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) รัฐบาลมุ่งเน้นให้เกิดงานวิจัยที่ตรงกับนโยบายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ไฮโดรเจน พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว ปัญญาประดิษฐ์ การคำนวณเชิงควอนตัม เทคโนโลยีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย เทคโนโลยีการวิจัยเรื่องอาหารแห่งอนาคต โดยกองทุนที่มีอยู่จะเข้าไปสนับสนุนกลายเป็นสปริงบอร์ดที่ติดจรวดสร้างความเติบโตให้กับประเทศได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำให้ทุกคนช่วยกันระดมความคิด ทำรายละเอียดออกมาเป็นกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อให้ประเทศเราพัฒนาเติบโตไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ ในการประชุมสภานโยบาย ที่ประชุมยังได้พิจารณาเห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณด้านการอุดมศึกษา ปี 2568 จำนวน 108,149.7273 ล้านบาท และด้าน ววน. จำนวน 42,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 150,149.7273 บาท โดยจะครอบคลุมทั้งในส่วนการพัฒนาบุคลากร พัฒนาความเป็นเลิศของมหาวิทยาลัย รวมถึงเป็นงบประมาณด้านการวิจัย นวัตกรรม และโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

Leave A Reply

Your email address will not be published.