“เสนา ดีเวลลอปเม้นท์”ลุยเปิด 10 โครงการ มูลค่า 7,500 ล้านบาท รุกตลาดแนวราบเพิ่ม
“เสนา ดีเวลลอปเม้นท์”โชว์แผนปี 63 จ่อผุด 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 7,500 ล้านบาท ชูกลยุธ์รุกอสังหาฯ“How To Think” ผ่าน 5 แนวคิดหลัก เผยแผนปรับพอร์ตโฟลิโอ สร้างแบรนด์ใหม่เพิ่ม เจาะกลุ่มลูกค้า GEN Y – First Jobber พร้อมตั้งเป้าสิ้นปีมียอดขาย 11,500 ล้านบาท
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินในปี 2563 ว่า บริษัทกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ “How To Think” ผ่าน 5 แนวคิดหลักในการรุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คือ 1.Think of Real Demand เจาะเรียลดีมานด์ เน้นคนซื้ออยู่จริง ขณะเดียวกันจะมุ่งพัฒนาโครงการแนวราบกลุ่มระดับราคา 3-5 ล้านบาท และ แนวสูง กลุ่มระดับราคา 1-3 ล้านบาท
2.Re Think SENA Core Competency IN THE PAST ONtO THe PRESENT ซึ่งตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มต้นพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์จากธุรกิจแนวราบ มีมากกว่า 50 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท โดยการพัฒนาโครงการใหม่และโครงการที่พัฒนาแล้ว บริษัทมีแผนที่จะให้”บ้านทุกหลัง”ให้เป็นบ้านประหยัดพลังงาน ที่ใช้ไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์
3.Think of SENA INNOVATION ซึ่งบริษัทมีแผนพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี ด้วยการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจโซลาร์และติดโซลาร์ให้กับทุกโครงการของบริษัท เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตควบคู่กับการเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ ปัจจุบันบริษัทได้มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้กับบ้านทุกหลังรวม 400 หลัง ประมารณ 1,000 กิโลวัตต์
4.Think of SENA Experience เป็นแนวคิดที่จะเป็นตัวแปรในการช่วยเคลื่อนภาพลักษณ์ของบริษัทผ่าน”MADE FROM HER” โดยซี่งในปีนี้จะมีการให้กับสำคัญกับ Customer Journey ปรับแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ สร้างแบรนด์คอนโดฯใหม่”SLASH” , “SENA KITH” และแบรนด์บ้านใหม่ “SENA VILLE” , “SENNA VILLAGE” , SENA VElA , SENA VIVA” เพื่อให้สอดรับกับกลุ่มเป้าหมาย เน้นกลุ่มลูกค้า GEN Y – First Jobber และ ดีไซน์เว็บไซต์พร้อมพัฒนาแอพพลิเคชั่น 360 องศา ให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น
5.Think of Business Model ด้วยการผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ คอร์ป อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งหมด 9 โครงการ และในปีนี้”เสนา ฮันคิว ฮันชิน”มีแผนรุกตลาด”ทาวน์เฮ้าส์”และโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคาต่ำกว่าล้าน และ คอนโดมิเนียม ระดับราคา 1-1.5 ล้านบาท นอกจากนี้มีแผนการจัดตั้ง บริษัท ทีเค นวกิจ จำกัด บริษัทรับเหมาก่อสร้างพัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์เพื่อควบคุมต้นทุนและระยะเวลาก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามในปี 2563 นี้บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการรวม 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 7,500 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง จำนวน 6 โครงการ และ โครงการแนวราบ 4 โครงการ โดยบริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมียอดขาย 11,500 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม 9,785 ล้านบาท ยอดขายจากแนวราบ 1,676 ล้านบาท และ มีรายได้ 10,600 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 8,870 ล้านบาท และ แนวราบ 1,717 ล้านบาท