เอพี ผนึก”มิตซูบิชิ เอสเตท” พัฒนาโครงการกว่า 7.4 หมื่นล้าน

922

เอพี ไทยแลนด์  ผนึกกำลัง มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป เตรียมพัฒนาโครงการร่วมทุนต่อเนื่อง ประเดิม 4 โครงการแรกของปี  มูบค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท  หลังจากร่วมทุนกันมาเป็นปีที่  5 ปี มีมูลค่ากว่า 7.4 หมื่นล้าน   

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ได้ร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป หรือ MECG เป็นปีที่ 5 โดยต้นปี 2561 นี้เอพี ไทยแลนด์ และมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป มีแผนที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บนอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงต้นปีได้มีการลงนามในสัญญาความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2.3​ หมื่นล้านบาท โดย LIFE สุขุมวิท 62 จะเป็นโครงการแรกที่พร้อมเปิดในเดือนมีนาคม ผ่านระบบ AP i-Booking และโครงการอื่นๆ จะทยอยเปิดตัวตามแผนงานที่กำหนดไว้ ณ ปัจจุบันรวมมูลค่าโครงการร่วมทุน  5 ปีสูงถึง 74,430 ล้านบาท


เอพี

“เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ถือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายเดียวที่มีโมเดลร่วมทุนในแบบการจัดตั้งบริษัทแม่ในไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท พรีเมียม เรสซิเดนท์ จำกัด” เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการโครงการภายใต้การร่วมทุน ซึ่งในปีนี้ทางมิตซูบิชิ เอสเตทได้ส่งทีมงานจากญี่ปุ่นที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มานั่งทำงานประจำร่วมกับทีมงานเอพีเพิ่มมากขึ้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการอนุมัติและดำเนินการต่างๆ แผนการร่วมทุนกับกลุ่มมิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด โดยในปีที่ผ่านมา เอพีได้พัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุนในสเกลที่ใหญ่ขึ้น  ทั้ง LIFE วิทยุ LIFE ลาดพร้าว และ LIFE อโศก-พระราม 9 ซึ่งทั้ง 3 โครงการส่งผลให้ยอดขายในส่วนของคอนโดมิเนียมโตขึ้นมากถึง 180% หากเทียบกับปีก่อนหน้า” นายอนุพงษ์ กล่าวเสริม

ด้านนายโชจิโร โคจิมา กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท เอเชีย ในนามของมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป กล่าวถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพเศรษฐกิจไทยและความสำเร็จในการพัฒนาโครงการร่วมกับ เอพี (ไทยแลนด์) ว่า  งบลงทุนพัฒนาอสังหาฯ ในต่างประเทศของ MECG รวม 3 ปี (2561 – 2563) อยู่ที่ 4 แสนล้านเยน หรือประมาณ 1.17 หมื่นล้านบาท​ เป็นการลงทุนในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป จีน โอเชียเนีย และกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของการลงทุนนี้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ต่อไป

72990

โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่ทาง MECG เห็นโอกาสจากรายได้ต่อครัวเรือนของคนในกรุงเทพฯ ที่เพิ่มขึ้นทุกปี การขยายตัวของจำนวนประชากรที่ย้ายถิ่นฐานจากต่างจังหวัด อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนที่พัฒนาไปมาก ส่งผลให้เกิดการกระจายออกของศูนย์กลางความเจริญของเมืองรูปแบบใหม่ ที่ทำให้วิถีการใช้ชีวิตของคนไทยมีความคล่องตัวในลักษณะครอบครัวขนาดเล็กลงมากขึ้น

“จากการร่วมมือกันที่ผ่านมา มีผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจอย่างมาก ทั้งในส่วนของยอดขายและการโอนกรรมสิทธิ์ โดยในส่วนของยอดขายคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนปี 2557 – 2560 ทั้งสิ้น 11 โครงการ   มียอดขายรวมเฉลี่ย 90% จากมูลค่ารวมทั้งสิ้น 51,430 ล้านบาท โดยเป็นโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่จำนวน 6 โครงการ ได้แก่ (1) RHYTHM สุขุมวิท 36 – 38 (2) ASPIRE รัชดา – วงศ์สว่าง (3) ASPIRE สาทร – ท่าพระ (4) RHYTHM อโศก 2 และ 2 โครงการล่าสุด ที่ได้เปิดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 4/2560 ที่ผ่านมา คือ (5) Life ปิ่นเกล้า และ (6) RHYTHM รางน้ำ

โดยลูกค้าให้การตอบรับโอนกรรมสิทธิ์ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งเป็นผลจากการทำงานร่วมกันในการพัฒนาและประยุกต์ใช้ AP Check List หนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการควบคุมคุณภาพสินค้าที่เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการออกแบบพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอย่างเข้มข้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งใจจะเดินหน้าทำงานร่วมกับเอพีฯ ต่อไปในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตอบคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต เพื่อป้อนตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เรายังคงตั้งเป้าจะพัฒนาโครงการร่วมกับเอพี ด้วยมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาท

สำหรับก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 แห่งความร่วมมือและมิตรภาพที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เอพี (ไทยแลนด์) และ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ยังคงให้ความสำคัญกับการนำความเชี่ยวชาญของเอพี และ MECG สู่การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ครอบคลุมการพัฒนาที่อยู่อาศัย การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเข้มข้นและจริงจัง ที่จะสร้างความแตกต่าง ครอบคลุมทุกมิติทั้งในด้าน ‘คุณภาพ’ ‘บริการ’ ‘ความสะดวกสบาย’ และ ‘ความปลอดภัย’ นำเสนอให้เกิดขึ้นจริงในคอนโดมิเนียมเครือเอพี ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์นวัตกรรมดีไซน์   เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต” (Innovation for Quality Living in the Future) มุ่งยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมนานาประเทศ โดยมีเป้าหมายในเฟสแรกจะร่วมพัฒนาคอนโดมิเนียม 4 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้การร่วมทุนครั้งแรกเมื่อปี 2557 จนถึงวันนี้ เอพีและมิตซูบิชิ เอสเตท ได้พัฒนาโครงการร่วมกันมูลค่าสูงถึง 74,430 ล้านบาท

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ปี 61 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจประเทศที่น่าจะเติบโตได้ถึง 3.8 – 4% กิจกรรมการตลาดและบรรยากาศการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นปี 61 การแข่งขันในตลาดอสังหาฯ ยังคงเกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ประมาณ 10 รายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ถือครองส่วนแบ่งอยู่ประมาณ 80% ดังนั้น ผู้ประกอบการที่หวังจะโตต่อต้องปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงเร็วและแบ่งย่อยเป็นกลุ่มที่ซับซ้อน และต้องบาลานซ์พอร์ตสินค้าคอนโดมิเนียมและแนวราบให้สมดุล โดยเชื่อว่าสินค้าคอนโดมิเนียมที่ตอบตลาดระดับกลางถึงบนมีแนวโน้มเติบโตได้ดี เพราะมีซัพพลายในตลาดไม่มาก และสต๊อกส่วนใหญ่ถูกระบายออกไปในปีที่ผ่านมา ขณะที่สินค้าแนวราบยังโตได้ต่อเนื่อง จากกำลังซื้อเรียลดีมานด์

Leave A Reply

Your email address will not be published.