เอพี ไทยแลนด์ โชว์ยอดขาย-โอนทำ “นิวไฮ” เตรียมรุกบ้านเดี่ยวตลาดบน “Super Luxury” ราคา 35-60 ล้าน
เอพี ไทยแลนด์ คุยคำโต “ท็อปฟอร์มสุดในอุตสาหกรรม”ยอดขาย-ยอดโอน สวนกระแสโควิดระบาด คาดยอดโอนเกิน 20,000 ล้าน ส่วนยอดขายรวม 17,817 ล้าน มั่นใจประกาศเดินต่ออีก 26 โครงการ มูลค่า 33,440ล้านบาท ลุยตลาดบน “Super Luxury” รื้อแบรนด์เก่า ‘บ้านกลางกรุง’ คอนเซปต์เดิม “บ้านเดี่ยวกลางกรุง” ประเดิมทำเลย่าน “สาธุประดิษฐ์-พระราม 3” ราคา 35-60 ล้านบาท ส่วนแนวสูง ส่งแบรนด์เก่า ASPIRE เปลี่ยนโฉมใหม่ เจาะ กลุ่ม “Young Gen” ชูที่ดินในเมือง ยูนิตน้อย “รัตนาธิเบศร์ และ ปิ่นเกล้า-อรุณอัมรินทร์”
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวว่า ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทฯ เติบโตท่ามกลางกระแสคลื่นวิกฤตที่โหมหนักได้อย่างแข็งแกร่ง สามารถบริหารจัดการการขายและการโอนได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ผลงานในครึ่งปีแรกทำนิวไฮได้สูงสุด ทั้งยอดขายและยอดโอนโดยมียอดขายมากถึง17,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 18% หากเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้า โดยเฉพาะสินค้าซุปเปอร์สตาร์อย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้ภาพรวมสินค้าแนวราบในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นกว่า28% โดยเฉพาะไตรมาส 2 เพียงไตรมาสเดียวสินค้าแนวราบมียอดขายสูงกว่า9,100 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดถือเป็นการเติบโตแบบ Organic Growthที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพขององค์กรได้อย่างชัดเจนถึงแม้ที่ผ่านมาบริษัทฯ จะเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 5 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 4,060 ล้านบาทเท่านั้น ด้านยอดโอนครึ่งปีแรกคาดว่าจะสูงกว่า 20,000ล้านบาท ซึ่งมั่นใจปิดไซต์ก่อสร้างไม่มีผลกระทบต่อเป้ารายได้ทั้งปี
ทั้งนี้ เพื่อการก้าวเดินไปต่อในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมรุกการพัฒนาโครงการไปในเซ็กเมนต์ใหม่ ด้วยการขยับขึ้นตลาดบนในระดับ Super Luxury โดยไฮไลท์ที่น่าสนใจคือการนำแบรนด์ ‘บ้านกลางกรุง’ กลับมาพัฒนาอีกครั้ง ด้วยจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้งในการพัฒนาโครงการที่จะอยู่ใจกลางกรุง โดยมีบ้านกลางกรุง ทองหล่อเป็นต้นแบบความสำเร็จกับจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการพัฒนาที่อยู่อาศัยกลางกรุง โดยนำร่องโครงการแรกกับ บ้านกลางกรุง สาธุประดิษฐ์-พระราม 3บ้านเดี่ยวหรู หนึ่งเดียวบนทำเลใจกลางเมือง เอกสิทธิ์เพียง 13ครอบครัว เริ่ม 35-60ล้านบาท ซึ่งพร้อมจัดงาน Pre-Saleในเดือนกันยายนนี้
นอกจากนั้นแล้ว ในสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียม บริษัทฯ เตรียมขยายโปรดักส์ไปยังตลาดแมสมากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับโฉมแบรนด์ ASPIRE (แอสปาย) ภายใต้คอนเซ็ปต์ LIVE AS ‘YOU’ ASPIRE : Living at Aspire , Create YOUR Aspiring Life เลือกใช้ชีวิตในแบบที่อยากจะเป็น โดยมุ่งพัฒนารูปแบบโครงการกับ 4 จุดขายใหม่ ได้แก่ CITY-ZONE LOCATION เจาะทำเลในเมือง จำนวนยูนิตน้อย เดินทางสะดวกด้วยระบบคมนาคมวันนี้และอนาคตMODULAR LAYOUT DESIGNสเปซดีไซน์ที่ปรับเปลี่ยนพื้นที่ใช้งานได้ตามใจUNCOMPROMISED FACILITIESพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็ม และ UNEXPECTED PRICE PACKAGEแพคเกจราคาขายที่สอดรับกับกลุ่มเป้าหมาย เริ่มต้นประมาณ55,000-65,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งพร้อมเปิดตัวใน 2 ทำเลได้แก่ ASPIRE รัตนาธิเบศร์-เวสต์ตัน ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท และ ASPIRE ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 ต่อไป “เราทุกคนยังคงต้องวนเวียนอยู่ในระลอกคลื่นของความเสียหายที่มีCovid-19เป็นศูนย์กลาง ซึ่งการระบาดระลอกใหม่ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเรายังไม่สามารถหลุดออกจากคลื่นนี้ได้จริงๆ สำหรับธุรกิจอสังหาฯ แล้ว หัวใจสำคัญที่มีผลต่อการขับเคลื่อนธุรกิจคือ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ถ้าเศรษฐกิจประเทศดี อสังหาริมทรัพย์ก็จะดีตามการ จ้างงาน กำลังซื้อความเชื่อมั่นผู้บริโภคก็จะตามมาหมด”นายวิทการ กล่าว
สำหรับแผนครึ่งปีหลังบริษัทฯ เตรียมรุกเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 26 โครงการ มูลค่ารวม 33,440 ล้านบาทเป็นโครงการแนวราบจำนวน 22โครงการ มูลค่าประมาณ 20,440ล้านบาท และคอนโดมิเนียม4โครงการ มูลค่าประมาณ 13,000ล้านบาท และแผนการโอนกรรมสิทธิ์ 2คอนโดใหม่ LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ และ LIFE อโศก ไฮป์มูลค่ารวม 12,300ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 64บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog)เพื่อรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 3ปี มากถึง 40,552 ล้านบาท
“ความท้าทายของภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยจากนี้ไปมี3 ข้อที่ต้องจับตามอง เรื่องแรกการฟื้นตัวของความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศ ซึ่งวัคซีนถือเป็นตัวแปรสำคัญ 2.มาตรการต่างๆ จากทางภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อหลังจากความเชื่อมั่นเริ่มกลับมา และสุดท้ายแผนการเปิดประเทศ ที่นำมาซึ่งกำลังซื้อที่เป็น sentiment ที่ดีให้กับตลาดคอนโด ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ถ้าถามว่าจุดต่ำสุดที่เราเจอกันในวันนี้จะจบสิ้นลงเมื่อไหร่ ไม่มีใครตอบได้ ภาคธุรกิจและเราทุกคนยังคงต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อเผชิญกับระลอกคลื่นที่จะเกิดขึ้นอีกกี่ครั้งนับไม่ถ้วนอย่างที่เราเจอกันอยู่ในทุกวันนี้”นายวิทการ กล่าวสรุป
บริษัทฯ ยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการบริหารจัดการกระแสเงินสด ภายใต้พันธกิจใหญ่ขององค์กร “EMPOWER LIVING” ที่พร้อมส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมายข้อมูลเพิ่มเติม
บมจ.เอพี ไทยแลนด์ มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2564 รวมทั้งสิ้นจำนวน 31โครงการ มูลค่าประมาณ37,500ล้านบาทซึ่งแบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน27โครงการ มูลค่าประมาณ 24,500ล้านบาท และคอนโดมิเนียมจำนวน 4โครงการมูลค่าประมาณ 13,000ล้านบาทครึ่งปีแรกเปิดตัวไปแล้วทั้งสิ้น5 โครงการ มูลค่า 4,060 ล้านบาท และครึ่งปีหลังเปิดตัวอีกจำนวน 26โครงการ มูลค่า 33,440 ล้าบาท