“โฮมโปร” ฟันกำไรปี 2560 กว่า 4.8 กว่าพันล้าน

1,157

โฮมโปร โชว์ผลประกอบการปี 2560 รายได้รวม 64,234.49 ล้านบาท โต 5.05 โกยกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,886.39 ล้านบาท อานิสงค์เปิดสาขาใหม่​ และรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ  

 นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ประจำปี 2560 ว่า ยังคงมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีรายได้รวมจำนวน 64,234.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,090.41 ล้านบาท หรือ 5.05เมื่อเทียบกับปีก่อน และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,886.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 761.19 ล้านบาท หรือ 18.45% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งแรกของปียังคงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยปัจจัยทางด้านลบของเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังคงอ่อนตัว

อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวทั้งในภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของสาขาที่อยู่ในหัวเมืองหลักและเมืองที่ได้รับผลประโยชน์จากภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้มีการควบคุมค่าใช้จ่ายทั้งในส่วนของการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน ค่าใช้จ่ายในการบริหารและค่าใช้จ่ายอื่นๆ  รวมถึงการขยายอัตราการทำกำไรขั้นต้นให้ได้อย่างต่อเนื่องผ่านการคัดสรรและพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากอย่างยิ่งขึ้น

 

สำหรับปัจจัยที่ทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการเติบโตมาจากรายได้จากการขาย จำนวน 59,888.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,959.95 ล้านบาท หรือ 5.20% เป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจ โฮมโปร ,เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย  ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้จากค่าเช่า และบริการอีกจำนวน 1,896.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.83 ล้านบาท หรือ 3.94% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปรด้วย

โฮมโปร 

72990

นายคุณวุฒิ กล่าวต่อเพิ่มเติมอีกว่า ส่วนรายได้อื่นๆ จำนวน 2,449.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.63 ล้านบาท หรือ 2.45% มาจากการเติบโตของรายได้ส่งเสริมการขาย ค่าสนับสนุนกิจกรรม รวมถึงรายได้จากค่าบริการ “Home Service” จากลูกค้า

 

ในส่วนกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ สำหรับปี 2560 จำนวน 15,838.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,314.84 ล้านบาท หรือ 9.05% เมื่อเทียบกับปีก่อน  สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 25.51% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.45% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้าDirect Sourcing การวางแผนการจัดซื้อสินค้า รวมถึงธุรกิจเมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียที่มีอัตราการทำกำไรที่ดีขึ้นจากการได้ผลประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดมากขึ้น

 

โดยในปี 2560 บริษัทฯ เปิดสาขาของโฮมโปรเพิ่ม 1แห่งที่สาขาโลตัส บางแค และ HomePro S จำนวน 1 แห่งที่สาขาเกตเวย์ เอกมัย และได้มีการปรับรูปแบบสาขาของ HomePro Living มาเป็น HomePro S จำนวน แห่งที่ เดอะพาซิโอ ลาดกระบังและสาขาเทอมินอล โคราช สำหรับการเปิดสาขาของบริษัทย่อย บริษัทฯ ได้เปิดสาขาของเมกา โฮมเพิ่ม 1 แห่งที่สาขาเชียงราย และเปิดสาขาของโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซียเพิ่ม 4 แห่งที่สาขา Melaka, Penang, Ipoh และ Johor Baru ทำให้ ณ สิ้นปี บริษัทฯ  มีสาขาโฮมโปรทั้งสิ้น 81 แห่ง HomePro S 3 แห่ง เมกา โฮม 12 แห่ง และโฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย 6 แห่ง โดยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องก็เพื่อให้เกิดการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

 

นายคุณวุฒิ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ในปี 2560 ถึงแม้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในในช่วงครึ่งปีแรกยังคงไม่ดี ทั้งจากกำลังซื้อที่อ่อนตัว และยังไม่มีแรงส่งจากมาตรการการส่งเสริมของภาครัฐมากนัก ในขณะที่ช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางบวก โดยมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคในหัวเมืองใหญ่มีการจับจ่ายใช้สอยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคในบางจังหวัดที่อยู่ในภาคการเกษตรยังคงชะลอตัว ตามทิศทางของรายได้เกษตรกรที่ลดลงในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลมาจากราคาผลิตผลทางการเกษตรที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ทั้งนี้ รัฐบาลได้พยายามเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยการออกมาตรการต่างๆ เช่น ช้อป ช่วยชาติ” ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงต้นธันวาคมที่ผ่านมา

Leave A Reply

Your email address will not be published.