ไทยแลนด์ อิลิท คาร์ด พลิกวิกฤติ Covid-19 เป็นโอกาส ชูประเทศไทย 1 ในเอเชียด้านสุขภาพ ดึงนักท่องเที่ยวพำนักยาว-ลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ
ไทยแลนด์ อิลิท คาร์ด ยุค New Normal ซบช่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เปิดตัวบัตรใหม่ “Elite Maxima Health”ภายใต้วิสัยทัศน์Privilege Visa for Long Stay และ Friend of Thailand เพื่อสร้างภาพลักษณ์ของ “บัตรไทยแลนด์ อีลิท” ขยับรุกดึงนักท่องเที่ยวลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในไทย กับโครงการอีลิท เฟล็กซิเบิล 1,000 ใบ ดึงต่างชาติท่องเที่ย-ลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทย 10 ล้านบาท ได้สิทธิรับบัตรอีลิทแถมวีซ่าระยะยาว แต่ลงทุน 30 ล้านบาทขึ้นไปรับใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)ดึงเม็ดเงินลงทุนแตะ 2 หมื่นล้านบาท ส่วนผลดำเนินงานโตสวนกระแส 26.7% เทียบกับปีก่อน ชี้ยอขายบัตรเพิ่มจากเดือน400บัตรเป็น 900บัตร มี 5ประเทศที่ติดอันดับยอดขายบัตรสมาชิกสูงสุด คือ “จีน ญี่ปุ่น อังกฤษ สหรัฐฯ และฝรั่งเศส
นายสมชัย สูงสว่าง ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินโครงการบัตรสมาชิกไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด “วิกฤติโควิด 19 เป็นโอกาสของ “บัตรไทยแลนด์ อีลิทคาร์ด” โดยการชูจุดแข็งประเทศไทย หลังไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยจากโควิด-19 เปิดตัวบัตร“Elite Maxima Health”ตอบสนองความต้องการของสมาชิกด้านสุขภาพ ผู้ที่สนใจเดินทางมาท่องเที่ยว และพำนักในไทยระยะยาว แบบไม่ต้องกังวลเมื่อหากเจ็บป่วย พร้อมขยับแผนช่วย กระดุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นออกบัตรประเภทใหม่ “อีลิท เฟล็กซิเบิล” ประมาณต้นปี 2564 ขณะนี้รอสรุปผล จากคณะกรรมการบริษัทได้ประชุมพิจารณา
อย่างไรก็ดีจากการจัดการด้านสาธารณสุขของเมืองไทย จนเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเว็บไซต์ สุขภาพไทย เปิดเผยถึงระบบสุขภาพของไทย ที่ได้รับการยกย่องจากหลายสถาบันของโลกว่าเป็นระบบสุขภาพที่ติดอันดับชั้นนำในเอเซียและดีเยี่ยมในระดับสากล โดย มหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ (John Hopkins University) สหรัฐอเมริกา และองค์กร Nuclear Threat Initiative รายงานดัชนีความมั่นคงด้านสุขภาพ (2019Global Health Security Index) มีการ จัดอันดับประเทศต่างๆ ทั้งหมด 195 ประเทศ พบว่าประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเชีย
จากผลการสำรวจดังกล่าว ทำให้เราเห็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพให้กับผู้สนใจเดินทางมาท่องเที่ยว และพักระยะยาวแบบมีหลักประกันด้านสุขภาพคุ้มครองที่ครอบคลุม ซึ่งเราเชื่อว่า หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นหนึ่งในตัวเลือกให้เป็น“บ้านพักหลังที่สอง” และนี่จึงเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ของการจัดทำบัตรสมาชิกประเภท Elite Maxima Health มาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน
ทั้งนี้ เงื่อนไขสิทธิประโยชน์ และการให้บริการในเรื่องของวีซ่าเข้าประเทศได้อย่างไม่จำกัดจำนวนครั้ง, ให้บริการสนามบิน (Airport Service) ตลอดระยะเวลา 5 ปี, รับบริการตรวจสุขภาพประจำปีฟรี, กรณีเกิดเจ็บป่วย สามารถใช้บริการได้ทุกโรงพยาบาลชั้นนำทั้งใน และต่างประเทศ มีมูลค่าความคุ้มครองสูงถึง 5 ล้านบาทต่อปี รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ในด้านการดูแลสุขภาพ (Wellness SPA) และโปรแกรมส่งเสริมการดูแลสุขภาพอื่นๆ ที่ได้คัดสรรมาพร้อมให้บริการ
นอกจากนี้ พร้อมกับเอกสิทธิ์พิเศษที่มอบให้กับผู้สมัครบัตร“Elite Maxima Health” ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563 จะได้รับสิทธิ State Quarantine ฟรี 14 วัน หรือสามารถเลือกเข้าพักในโรงแรม Wellness Hotel ชั้นนำ มูลค่ารวม 1 แสนบาท รวมทั้งสามารถนำหนังสือรับรองความคุ้มครองวงเงิน 5 ล้านบาท ที่ได้รับตามสิทธิประโยชน์เพื่อขอ COE ในการขออนุมัติเดินทางเข้าประเทศ โดยเงื่อนไขที่กล่าวมา เป็นไปตามมาตรฐานข้อกำหนดของ ศบค. และสอดคล้องกับประกาศของกระทรวงมหาดไทย ที่ได้อนุญาตให้ต่างชาติบางกลุ่มเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อการเข้ามาท่องเที่ยวแบบพำนักระยะยาว (Long Stay) ที่มีผลทันทีวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป โดยบัตร “Elite Maxima Health” เริ่มจำหน่ายในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมามีมูลค่าบัตร 1,500,000 บาท
นายสมชัย สูงสว่าง กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการอีลิท เฟล็กซิเบิล ทาง ททท.จะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุม “ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” หรือ ศบศ.ในเร็วๆนี้ โดยเบื้องต้นในรายละเอียดโครงการประกอบด้วย 2 ทางเลือก ทางเลือกที่ 1 คือ Flex One เป็นการขายอสังหาริมทรัพย์พ่วงบัตรอีลิทการ์ด โดยชาวต่างชาติที่ลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ในไทย 10 ล้านบาทขึ้นไปที่ซื้อกับประกอบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว จากประกอบการที่นำ โครงการเข้าร่วมกับทางบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เท่านั้นชาวต่างชาติจะได้สิทธิ์บัตรอีลิทการ์ด มูลค่า 500,000 บาท ถึง 2 ล้านบาท นอกเหนือจากการให้วีซ่าระยะยาว 5-20 ปี แนวทางนี้น่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายอสังหาฯได้ง่ายขึ้น ชาวต่างชาติที่อยากได้วีซ่าระยะยาว ก็สามารถเลือกเข้ามาลงทุนในไทยในช่วงนี้ได้
ส่วนทางเลือกที่ 2 คือ Flex Plus ชาวต่างชาติต้องสมัครเป็นสมาชิกบัตรอีลิทการ์ดก่อน มูลค่าบัตรไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งจะได้วีซ่าระยะยาว 10 ปีขึ้นไปต้องลงทุนในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯขึ้นไปหรือประมาณ 30 ล้านบาท ภายใน 1 ปี จะได้สิทธิ์ใบอนุญาตทำงาน หรือ Work Permit ในประเทศไทย แนวทางนี้รองรับสมาชิกบัตรอีลิทการ์ดที่ถืออยู่แล้วในปัจจุบัน และยังมีอายุสมาชิกเหลือไม่น้อยกว่า 5 ปี ก็เข้าเงื่อนไขลงทุนได้ ทางททท.ต้องการให้คงเงินทุนไว้ในไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยสามารถลงทุนได้ทั้งในภาคอสังหาฯหุ้น พันธบัตร พันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก
ทั้งนี้คาดว่าหากจะสามารถเริ่มดำเนินโครงการอีลิท เฟล็กซิเบิล ได้ในต้นปีหน้า โดยการประมาณการณ์ว่า หากสามารถขายบัตรอีลิท การ์ด ผ่านโครงการอีลิท เฟล็กซิเบิล จำนวน 1,000บัตร จะสามารถช่วงดึงเม็ดเงินเข้าประเทศได้ 20,000 ล้าน เป็นยอดขายจากทางเลือกที่ 1จำนวน 500บัตรมูลค่าประมาณ 5,000ล้านบาท และทางเลือกที่ 2อีก 500บัตร มูลค่าประมาณ 15,000ล้านบาท โดยยังไม่รวมการใช้เงินหมุนเวียนของนักท่องเที่ยวที่อยู่ในไทยในแต่ละวันอีกต่างหากซึ่งทั้ง 2 แนวทางจะดำเนินการในระยะสั้น 2 ปีเท่านั้น
สำหรับผลดำเนินงาน ของบริษัท ประจำปีงบประมาณ 2563 มียอดสมาชิกปัจจุบันรวม 11,132 ราย มีจำนวนบัตรใหม่ที่ขายได้ 2,674 บัตร มีรายได้จากการขายบัตรอยู่ที่ 1,637 ล้านบาท ยอดเติบโตเพิ่มขึ้น 26.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้คาดว่าจะล้างขาดทุนสะสมได้เร็วขึ้น 1 ปี จากเดิมวางไว้ในปี 2566 เป็น 2565 สำหรับปี 2564 วางเป้ายอดขายบัตรใหม่ 2,500 บัตร ใกล้เคียงกับปี 2563 จะไม่เน้นขายบัตรที่จำนวนมาก แต่จะเน้นให้สมาชิกที่ซื้อบัตรเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ตามแนวทางที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.)
ล่าสุดศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้อนุมัติให้สมาชิกบัตรไทยแลนด์อีลิท ทั้งสมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่เดินทางเข้าประเทศไทยได้ 500 คน ผ่านการพิจารณาเข้ามาท่องเที่ยวประเทสไทยแล้ว 52 คน ซึ่งทุกคนต้องปฎิบัติไป ตามมาตรการของ ศบค.และมาตรการทางสาธารณสุขที่กำหนดไว้ เช่น ต้องเข้าพักในสถานที่กักกันทางเลือก 14 วัน เป็นต้น