ไรมอนแลนด์ ช็อปใหญ่ซื้อสินทรัพย์กลุ่มเคพีเอ็นแลนด์ หวังต่อยอดธุรกิจ คาดใน 3-4 ปีข้างหน้ามีรายได้แตะ 10,000 ล้านบาท และมียอดขายรอรับรู้รายได้ที่ประมาณ 18,895 ล้านบาท
นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไรมอนแลนด์ (RML) เปิดเผยถึงแผนการเข้าซื้อสินทรัพย์ของ บจก.เคพีเอ็น แลนด์ ว่า บริษัทมีแผนในการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยได้มีการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์บางส่วนของ บริษัท เคพีเอ็น แลนด์ จำกัด (KPNL) ได้แก่ โครงการ S19 จำนวน 57% โครงการ S28 จำนวน 100% ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ในปี 2566 นอกจากนี้บริษัทยังได้เข้าซื้อยูนิตที่เป็นยอดขายรอโอนในโครงการ Diplomat 39 และ โครงการ Diplomat สาทร ซึ่งมีมูลค่าการทางการขายประมาณ 2,500 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ภายในปี 2561 นี้
“การเข้าไปซื้อสินทรัพย์ของ บจก.เคพีเอ็นแลนด์ บริษัทเชื่อมั่นว่าจะเป็นการต่อยอดธุรกิจของบริษัทและช่วยเสริมความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการขยายตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน ซึ่งกว่า 50% ของกลุ่มลูกค้าบริษัทเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่กลุ่มเคพีเอ็นแลนด์ มีลูกค้ากว่า 90% เป็นคนไทย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้กว้างมากยิ่งขึ้นอีกด้วย”นายเอเดรียน กล่าว
สำหรับการเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้ง 4 โครงการของ บจก.เคพีเอ็นแลนด์ ได้แก่ โครงการ S19 โครงการ S28 โครงการ Diplomat 39 และ โครงการ Diplomat สาทร ซึ่งมีมูลค่าการทางการขายประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยทั้งสองโครงการหลัง บริษัทได้มีการชำระเงินแล้ว 1,500 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 1,000 ล้านบาท บริษัทจะชำระเป็นหุ้นและเงินสดต่อไป ทั้งนี้จากการที่บริษัทเข้าซื้อสินทรัพย์ในครั้งนี้จะส่งผลให้บริษัทจะสามารถสร้างกำไรได้ภายในปีนี้ และ สามารถลดหนี้สินต่อทุนได้
นอกจากนี้ในอนาคตบริษัทมีแผนเข้าไปซื้อสินทรัพย์อื่นๆที่จะสามารถเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้แข็งแกร่งเพิ่มเติมอีกด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าภายใน 3-4 ปีข้างหน้าจะมียอดขายรอรับรายได้ (แบล๊กล๊อค) อยู่ที่ประมาณ 18,895 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้อยู่เกือบ 10,000 ล้านบาท สำหรับสินทรัพย์ของกลุ่มเคพีเอ็นแลนด์ที่บริษัทได้เข้าไปลงทุน ประกอบไปด้วย โครงการ S19 เป็นโครงการคอนโดมิเนียม บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา ส่วนโครงการ S28 เป็นคอนโดมิเนียม พัฒนาบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2566
นายเอเดรียน กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังกระบวนการเสร็จสิ้นสัดส่วนการถือหุ้นจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็น โดยที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ยังคงเดิม คือ JS ASSET ที่สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเป็น 21.40% จากเดิมที่ 24.98%, นายจิรวุฒิ คุวานันท์ ถือ 16.58% จากเดิม 19.35%, KPNL ถือหุ้น 14.31% ส่วนที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นอื่นๆ ส่วนแผนการเปิดโครงการในครึ่งปีหลังของปีนี้วางแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 9 พันล้านบาท บนทำเลซอยสาทร 12 และสุขุมวิท 39 (พร้อมพงษ์)