ALL รายได้ปีนี้ทุบสถิติใหม่ แตะ 4,500 ล้านบาท เดินเกมรุกครึ่งปีหลัง เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์เพิ่ม
บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ (ALL) ครึ่งปีหลังคลอดโปรเจกต์ใหม่ทั้งแบบคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ ไฮไรส์ และทาวน์โฮม มูลค่ารวม 12,500 ล้านบาท เจาะกลุ่มเรียลดีมานด์เพิ่ม มั่นใจปีนี้ รายได้ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แตะ 4,500 ล้านบาท ระบุล่าสุด ตุน Backlog ในมือแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวทีมงานขายต่างประเทศ 4 สัญชาติภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด หวังขยายพอร์ตลูกค้าต่างชาติเพิ่ม
นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก 2562 มีอัตราการเติบโตตามที่ บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ โดยกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 1,692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% และมีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 840 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% และมีกำไรสุทธิ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้ จากความสำเร็จในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางบริษัทฯ เตรียมวางยุทธศาสตร์ แผนขยายการลงทุนในครึ่งปีหลังอย่างต่อเนื่อง โดยเตรียมเปิดโครงการใหม่มูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท ทั้งแบบคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ ไฮไรส์ และทาวน์โฮม โดยล่าสุดเตรียมเปิดโครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ เฟส 2 (The Vision Ladprao – Nawamin Phase II) คาดจะเปิดขายในช่วงวันที่ 31 สิงหาคมนี้
ในขณะที่โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาดพร้าว – สุทธิสาร (The Excel Ladprao – Sutthisan) ที่เปิดตัวไปช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าเพียงวันเดียว ลูกค้าแห่จองกวาดยอดขายแล้วกว่า 850 ล้านบาท หรือคิดเป็นกว่า 70% ของมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ดังนั้นจากความสำเร็จที่เกิดขึ้น ยิ่งเป็นเครื่องตอกย้ำให้เชื่อมั่นว่า ในทุกๆ โครงการที่เตรียมจะเปิดตัวในเร็วๆ ก็คงจะได้ผลตอบรับที่ดีแบบนี้เช่นเดียวกัน
“บริษัทฯ มีโครงการสร้างเสร็จใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ เดอะ วิชั่น ลาดพร้าว – นวมินทร์ (The Vision Ladprao – Nawamin) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท,
2.โครงการ อิมเพรสชั่น ภูเก็ต (Impression Phuket) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และ 3.โครงการ ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 71 (The Excel Hideaway Sukhumvit 71) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท
จากแผนการเปิดโครงการใหม่ ๆ ทำให้บริษัทฯมีความมั่นใจว่า รายได้ปี 2562 ยังคงเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ในระดับ 4,500 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นการรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2562 มีมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 – 4 ปีข้างหน้า แบ่งเป็นของโครงการคอนโดมิเนียมประเภท โลว์ไรส์ 5,520 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมประเภท ไฮไรส์ 2,240 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม 240 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าสร้างแล้วเสร็จที่พร้อมขายและโอนกรรมสิทธิ์ (Inventory) มูลค่ารวมประมาณ 201 ล้านบาท จากโครงการ ดิ เอ็กเซล คูคต (The Excel Khukot) และ ไรส์ พระราม 9 (Rise Rama 9)
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ยังได้กล่าวถึงแผนการขยายฐานไปยังต่างประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติว่า ในวันนี้ (28 ส.ค.) บริษัทฯ เปิดตัวทีมบริหาร การตลาดและงานขายในต่างประเทศ ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด (Thai D) ประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนและนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์สำหรับตลาดต่างประเทศ ซึ่งการเปิดตัวทีมบริหาร 4 สัญชาติอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวที่ครั้งสำคัญของบริษัทฯ ที่จะเข้าไปขยายฐานในการดำเนินธุรกิจ ในรูปแบบการเปิดสำนักงานขาย ในเซี่ยงไฮ้ และไทเป ซึ่งถือเป็นมหานครที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีประชากรอยู่กันอย่างหนาแน่น ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสขยายฐานกลุ่มลูกค้าชาวจีน อย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้
พร้อมกันนี้ ยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอาคารศูนย์การค้า เดอะ นิว ฟอรั่ม พลาซ่า (The New Forum Plaza ) จังหวัดชลบุรี บนพื้นที่ 11-3-74 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่ Gross Building Area รวม 34,952 ตารางเมตร และพื้นที่ให้เช่า (Gross Leasable Area) 11,593 ตารางเมตร โดยมีอายุสัญญาเช่า 29 ปี มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแตกไลน์ทางธุรกิจจากอสังหาริมทรัพย์ไปยัง Shopping Mall ว่า ขณะนี้ได้มีการก่อสร้างไปตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดกว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 2563 และจะเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมเดือนละกว่า 10 ล้านบาท และหลังจากเปิดบริการเต็มปีในปี 2564 จะส่งผลให้มีรายได้เฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี
ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว เข้ามา 5,800 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญาเช่า ซึ่งแบ่งเป็นรายได้จากค่าเช่า 90% และอื่นๆ อีก 10%
“ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น ภายหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่าผลประกอบการในครึ่งปีแรกเติบโตได้โดดเด่น และดีกว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย เป็นสิ่งสะท้อนความตั้งใจในการทำงานของทีมผู้บริหารเป็นอย่างดี และในครึ่งปีหลังแม้ว่าจะมีปัจจัยท้าทายอยู่หลายด้าน เราเชื่อว่าภาวะอุตสาหากรรมอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังโดยรวมจะปรับตัวได้ดีขึ้น และเรามีความมั่นใจว่าผลประกอบการในทุก ๆ มิติ จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย และอีกหนึ่งพัฒนาการที่สำคัญคือ การเปิดสำนักขายอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้และเมืองไทเป ถือเป็นเมืองที่มีประชากรหนาแน่นอันดับต้น ๆ ของโลก ประกอบกับคุณภาพของทีมงานขายต่างประเทศ ภายใต้ บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด จะช่วยผลักดันยอดขายสินค้าในกลุ่มต่างชาติ และเป็นส่วนช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ในสายตาของคนทั่วโลกในอนาคต” นายธนากร กล่าวทิ้งท้าย