เพอร์เฟค ตั้งเป้า 10,000 ล้าน เปิด 7 โครงการใหม่ รุกสู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน

52

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดแผนปี 2568 ตั้งเป้ายอดขาย 11,000 ล้านบาท รายได้ 10,000 ล้านบาทเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 9,600 ล้านบาท ต่อยอดความสำเร็จจากโครงการเดิม เพิ่มเติมสินค้าและธุรกิจใหม่ เน้นกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง ทั้งบ้านที่สามารถปรับเปลี่ยนวัสดุได้ และรุกสู่ธุรกิจรับสร้างบ้านในเขตกรุงเทพและอีอีซี เตรียมเปิดบ้านริมทะเลสาบคอนเซ็ปท์ใหม่ ลงทุนโรงแรมหรูในโครงการเขาใหญ่ ร่วมมือโรงเรียนนานาชาติ ด้านการเงิน มุ่งปรับโครงสร้างการเงินให้แข็งแกร่ง วางเป้าลดหนี้หุ้นกู้ต่อเนื่องให้เหลือต่ำสุดในรอบ 5 ปี

นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน)เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 ว่า บริษัทเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจและสร้างรายได้ให้เติบโต ด้วยความหลากหลายของสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งในโครงการที่ดำเนินการอยู่ โครงการใหม่ ตลอดจนธุรกิจใหม่  ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 11,000 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 7,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1,500 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 2,000 ล้านบาท รายได้รวมปีนี้ประมาณการไว้ที่ 10,000 ล้านบาท แยกเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 7,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1,500 ล้านบาท และโครงการร่วมทุน 1,500 ล้านบาท โดยมีแผนเปิด 7โครงการใหม่ มูลค่ารวม 9,600 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 5 โครงการ รวมมูลค่า 7,200 ล้านบาท  ทาวน์โฮม 1 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท และ อาคารพาณิชย์ 1 โครงการ มูลค่า 1,200 ล้านบาท

 

โครงการใหม่ในปีนี้ ไฮไลท์อยู่ที่การต่อยอดความสำเร็จพร้อมคอนเซ็ปท์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ “เพอร์เฟค เพลส” ที่ถือเป็นแฟล็กชิพทำรายได้หลักให้บริษัท ใน 3 ทำเล ราชพฤกษ์ 346, รามอินทรา และ กรุงเทพกรีฑา-ร่มเกล้า  เปิดโครงการ  “มาร์เก็ต อเวนิว แจ้งวัฒนะ2” ตอบรับการเติบโตของถนนหอการค้าไทย ชุมชนขนาดใหญ่ที่รวมโครงการของ 8 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ มีมูลค่ารวมกันกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคอมมูนิตี้ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดในโซนแจ้งวัฒนะ นอกจากนี้ยังมีโครงการ “เบลล่า เดล มอนเต้ เขาใหญ่ 2” ที่มีการลงทุนโรงแรมเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ โดยจะนำประสบการณ์จากการพัฒนาโครงการในต่างประเทศมาใช้ เพื่อทำให้เขาใหญ่เป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมากขึ้น รวมถึงการเปิดตัว “บ้านริมทะเลสาบ เลค เลเจ้นด์ บางนา” หลังประสบความสำเร็จทำยอดขายไปแล้วเกือบ2,000 ล้านบาท ปีนี้จะมีการพัฒนารูปแบบใหม่ให้เป็นที่สุดของบ้านริมทะเลสาบ 100 ไร่ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดระดับพรีเมี่ยม

 

นอกเหนือจากสินค้าพร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม บริษัทยังจะเพิ่มสินค้าบ้านแบบพร้อมเข้าอยู่ใน 3-6 เดือน ที่สามารถปรับเปลี่ยนวัสดุบางอย่างได้ สำหรับกลุ่มลูกค้าระดับรายได้ปานกลาง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ตรงตามไลฟ์สไตล์มากขึ้น  สำหรับกลุ่มสินค้าลักซ์ชัวรี่ จะมีความร่วมมือเพิ่มเติมกับโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ทั้งในทำเลแจ้งวัฒนะ รามคำแหง กรุงเทพกรีฑา และบางนา เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ต้องการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติ ทั้งผู้ปกครองชาวไทย และ กลุ่ม EXPAT ที่เข้ามาประกอบธุรกิจและทำงานในตำแหน่งระดับสูง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการโยกย้ายเข้ามาพักอาศัยในระยะยาว

ในปีนี้ บริษัทยังจะขยายไปยังธุรกิจรับสร้างบ้านเพิ่มเติม  โดยจะจับกลุ่มที่บริษัทมีความชำนาญ  ได้แก่บ้านระดับ กลางตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป จนถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง  มีแผนให้บริการในพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑล และเขตอีอีซี 3 จังหวัดซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตที่ดี โดยจะชูจุดเด่นในด้านประสบการณ์การก่อสร้างที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และรวดเร็วด้วยระบบการก่อสร้างแบบสำเร็จรูปที่ไว้วางใจได้ การรุกเข้าสู่ตลาดรับสร้างบ้าน นอกจากจะเป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้จากตลาดรับสร้างบ้าน ซึ่งปีที่ผ่านมามีมูลค่าถึง 211,000 ล้านบาทแล้ว  ยังทำให้บริษัทมีสินค้าที่ครอบคลุมทั้งบ้านในโครงการและบ้านสั่งสร้างบนที่ดินของตนเอง

72990

ด้านโครงสร้างการเงิน บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่ง และมีเป้าหมายจะลดภาระหนี้ลง เพื่อให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 1 เท่าภายในปีนี้  โดยเฉพาะการลดหนี้หุ้นกู้ ปีที่ผ่านมาบริษัทชำระคืนหุ้นกู้ไปแล้ว 6,600 ล้านบาท  เริ่มไตรมาสแรกของปีนี้มีการชำระคืน 2,650 ล้านบาท และยังมีแผนคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดภายในปีนี้อีก 3,700 ล้านบาท  ด้วยวงเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงิน และการทะยอยปิดการขายโครงการต่างๆ  ทั้ง “ยู คิโรโระ” คอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น ที่ปิดการขายเพนท์เฮ้าส์ 2 ห้องสุดท้าย มูลค่ารวม 1,150ล้านเยนไปในไตรมาสแรก และยังคาดว่าจะสามารถปิดการขายคอนโดมิเนียมเพิ่มเติมอีก 2โครงการ ได้แก่ อยู่รวยคอนโด และเมโทร สกาย วุฒากาศในไตรมาสที่ 2  เป้าหมายการลดหนี้หุ้นกู้ต่อเนื่อง จะเป็นผลให้บริษัทมีหนี้หุ้นกู้เหลืออยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 5 ปี จากที่เคยมีมูลค่าหุ้นกู้สูงสุดอยู่ที่ 20,000 ล้านบาทเมื่อปี 2563

Leave A Reply

Your email address will not be published.