SC โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรก พร้อมรุกขึ้นแท่น“แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1”
SC พร้อมรุกขึ้นแท่น “แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1”เผยไตรมาสแรก บ้านทุกราคาขายดีมาก กวาด market share บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ดันยอดขายรวม 5,700 ลบ. เติบโต 188% และเติบโตทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือSC ภายใต้การเป็น Living Solutions Provider เปิดเผยถึงความสำเร็จของผลดำเนินงานไตรมาสแรกนี้ว่า“บ้านเดี่ยวของเราเติบโตทุกราคา และทำให้บริษัทเติบโตทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของการประกาศแผนธุรกิจและการรุกสู่แบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 จากช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยสรุปคือ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวสูงสุด (market share) เป็นอันดับ 1 ที่ 15% (จากข้อมูลตลาดบ้านเดี่ยวในกรุงเทพ-ปริมณฑลของ AREA หรือบริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด)
ทั้งนี้เนื่องจากบ้าน SC ขายดีและเติบโตทุกราคา ใน 3 กลุ่มหลัก คือ บ้านราคามากกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นพอร์ตหลักและแข็งแกร่ง เติบโตประมาณ 4 เท่า หรือเติบโต268% YoY, บ้านราคา 5-20 ลบ. มีการเติบโตประมาณ 2 เท่า หรือเติบโต113% YoYและบ้านราคาน้อยกว่า 5 ล้านบาท เติบโต 10%YoY
โดยบริษัทสามารสร้างยอดขายรวม 5,700 ล้านบาท เติบโต 188% YoY ประกอบด้วย ยอดขายแนวราบ4,606 ล้านบาท เติบโต 123%YoY และยอดขายคอนโดฯ 1,094 ล้านบาท เติบโต 1381%YoY
ในส่วนการเติบโตของยอดขายคอนโดมิเนียมจะมาจากโครงการระดับ Luxury segment ราคามากกว่า 3 แสนบาทต่อตร.ม. โดยบริษัทมีมส่วนแบ่งทางการตลาด (market share) อยู่ 26% และเป็นอันดับ 1 ของตลาด ขณะเดียวกันโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ “สโคป พร้อมศรี” บนทำเลสุขุมวิท 49 ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดจองแล้ว 45 %
ขณะที่ในส่วนของ รายได้ และกำไรสุทธิ มีการเติบโต โดมีรายได้รวม 3,965 ล้านบาท เติบโต 20%YoY โดยมาจากรายได้จากการดำเนินงานแบ่งเป็นรายได้จากการขาย 95% และรายได้จากการเช่าและบริการ 5 % พร้อมกำไรสุทธิ 417 ล้านบาท เติบโต 39%YoY
ทั้งนี้ปัจจุบัน บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์และหนี้สินรวม 44,846 ล้านบาท และ 25,744 ล้านบาทตามลำดับ โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน 1.35 และมีสภาพคล่องแข็งแกร่งปัจจุบันมีเงินสดพร้อมวงเงินพร้อมเบิกมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท เตรียมจ่ายปันผล 0.18 บาท/หุ้น ในวันที่ 20 พ.ค. นี้
ส่วนด้านความคืบหน้าของแผนการพัฒนาโครงการแนวราบจะมีการเปิด จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการ 9,000 ล้านบาท ไตรมาส 2 พร้อมเปิดจอง 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,145 ล้านบาทได้แก่โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ เพชรเกษม-ปิ่นเกล้า บ้านหรูบนที่ดินขนาดใหญ่ 100 ตร.ว.ขึ้นไป เริ่มที่ราคา 20-30 ล้านบาท ทำเลอยู่ใกล้เดอะมอลล์บางแค กับโครงการเวิร์คเพลส สายไหม-พหลโยธิน พรีเมี่ยมโฮมออฟฟิศ ราคาเริ่มที่ 7-20 ล้านบาท ทำเลใกล้ทางด่วนจตุโชติ และ ทางด่วนฉลองรัช
ขณะดียวกันได้เร่งเพิ่มสต็อคบ้านรองรับความต้องการซื้อ โดยในไตรมาส 2 บริษัทจะมีโครงการที่เปิดขายทั้งหมด จำนวน 57 โครงการ มูลค่าคงเหลือเพื่อขายรวมกว่า 40,560 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนว ราบ47 โครงการ และคอนโด 10 โครงการ
“ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิดจะมีความท้าทายอย่างมาก เรามั่นใจว่าจะทำสำเร็จตามเป้าหมาย ทั้งยอดขายและรายได้ของปีนี้ พร้อมกับการเป็นแบรนด์บ้านเดี่ยวอันดับ 1 ในใจผู้บริโภค” นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุป