SENA  กำไรปี 61 กว่า 900 ลบ. ปันผลอีก 0.16 บาทต่อหุ้น

1,009

 

SENA กำไร 939.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.5%รายได้รวมแตะ 5,500 กว่าล้านบาท ตุน Backlog กว่า 10,000 ลบ. ทยอยรับรู้ ปี 62  พร้อมโชว์สเตปปีหมู ลุยเปิด22 โครงการแนวราบสูง รวมมูลค่าโครงการ 24,000 ลบ. ชิงเค้กส่วนแบ่งตลาดอสังหาฯในกรุงเทพและต่างจังหวัดย้ำสร้างจุดต่างสร้างจุดขายผ่านคอนเซ็ปต์ “MADE FROM HER”ใส่ใจทุกดีเทลชีวิตจากแนวคิดแบบผู้หญิงล่าสุดเตรียมเสนอผู้ถือหุ้นเคาะปันผลอีก 0.160553 บาทต่อหุ้น 

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)หรือ SENA เปิดเผยว่า สำหรับปี 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีแห่งการเติบโต หรือ Growth Hormone ของบริษัทอย่างแท้จริง หากมองการเติบโตย้อนหลัง 3 ปี ในช่วงปี 2559 – 2561 จะเห็นว่าบริษัทมีการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างชัดเจน โดยเห็นได้จากการเติบโตของจำนวนโครงการและมูลค่าโครงการที่เปิดในปีนี้จากการ เปิดตัว 9 โครงการ 6,395 ยูนิต มูลค่ารวม 20,990 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมทั้งหมด จนก้าวขึ้นไปเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรมเรียลเอสเตทในแง่ของจำนวนยูนิตเปิดตัวใหม่ ถือเป็น New record ของบริษัทในปี 2561 รวมถึงการมียอดขายและยอดสินค้ารอโอนเพิ่มขึ้น และสินค้าคงเหลือขายที่พร้อมจะรับรู้รายได้ในอนาคตที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญมีพันธมิตรแข็งแรงอย่างฮันคิวเข้ามาร่วมธุรกิจทำให้ปีนี้เสนามีการเปิดตัวโครงการและมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดของบริษัทในปีนี้ด้วย

สำหรับผลประกอบการของบริษัท ในปี 2561 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 5,539.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 318.4 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับจ้างบริหารโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ของ บริษัทร่วมทุน ส่วนกำไรสุทธิ เท่ากับ 939.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 197.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 17% ของรายได้รวมในปีนี้

ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
72990

ขณะที่สัดส่วนรายได้รวมของบริษัท มาจากการขายอสังหาริมทรัพย์ 84.7%  รายได้จากการเช่าและบริการ 14.3% รายได้จากธุรกิจโซลาร์ 1.0% โดยรายได้หลักจากการขายที่อยู่อาศัย แยกตามแบรนด์คอนโดมิเนียม ประกอบด้วย “นิช ไอดี”  จํานวน1,339 ยูนิต มูลค่า 3,078.1 ล้านบาท “ เดอะ คิทท์” จํานวน 341 ยูนิต มูลค่า 456.5 ล้านบาท และประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ “เสนาพาร์ควิลล์” จำนวน 32 ยูนิต 181.2 ล้านบาท “เสนาพาร์คแกรนด์” จํานวน 19 ยูนิต มูลค่า 180.2 ล้านบาท “เสนาวิลล์” จํานวน 22 ยูนิต มูลค่า 102.4 ล้านบาท ช็อปเฮ้าส์และอเวนิว จํานวน 18 ยูนิต 129.5 ล้านบาท

นอกจากนี้ ช่วงปลายปี 2561บริษัทฯได้เข้าถือหุ้นในบริษัท พราว วานิจ จํากัด เพื่อขยายการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบในต่างจังหวัด ส่งผลให้ไตรมาส 4 ปี 2561 บริษัทฯมีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ จากโครงการแนวราบต่างจังหวัด มูลค่า 49.7 ล้านบาท และอื่นๆ จํานวน 18 ยูนิต มูลค่า 49.2 ล้านบาท และรายได้จากการขายที่ดิน 307.5 ล้านบาท

ในส่วนรายได้จากค่าเช่าและบริการ ปี 2561 มีรายได้ทั้งสิ้น 766.7 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ค่าเช่าและบริการอพาร์ทเม้นท์ 14.3 ล้านบาท รายได้บริหารนิติบุคคล 35.2ล้านบาท ธุรกิจเช่าโกดัง 28.1 ล้านบาท รายได้คอมมูนิตี้มอลล์เสนาเฟสท์ 80.7 ล้านบาท รายได้สนามกอล์ฟ 98.1 ล้านบาท รายได้รับบริหารโครงการ 489.2 ล้านบาท รายได้จากการให้เช่าที่ดิน 0.4 ล้านบาท รายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์โซลาร์ 0.5 ล้านบาท และรายได้จากกลุ่มโซลาร์ปี 2561 มีรายได้อยู่ที่ 54.5 ล้านบาท

ณ.สิ้นปี 2561 บริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้(Backlog) จำนวน 10,210 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2562 – 2564 ตามลำดับ และบริษัทยังมีสินค้าคงเหลือขาย จำนวน  21,244 ล้านบาท โดยจากจำนวนสินค้าคงเหลือขายทั้งหมด มีโครงการที่สามารถขายแล้วพร้อมโอน ประมาณ 30% จากมูลค่าสินค้าคงเหลือขาย

สำหรับแผนธุรกิจและกลยุทธ์ของบริษัทในปี 2562 นี้ ทางเสนามีความพร้อมในการผลักดันและสร้างการเติบโตทุกด้านอย่างแข็งแกร่ง โดยในปีนี้มุ่งมั่นเพื่อให้ธุรกิจบรรลุเป้าหมายผ่านมุมมองแนวคิด “small is BIG”ตั้งเป้าเจาะกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ เป็น กลุ่ม Real Demand พร้อมสานต่อแนวคิดในการพัฒนาสินค้าแบบ “MADE FROM HER 2019”ใส่ใจทุกดีเทลชีวิตจากแนวคิดแบบผู้หญิง เพื่อย้ำจุดยืนในการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคในปัจจุบันสูงสุด พร้อมเน้นการบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ด้วย APP 360 Service โดยตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ ทั้งในกรุงเทพ ปริมณฑลและต่างจังหวัด จำนวน 22 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 24,000 ล้านบาท วางเป้ายอดขาย 19,639 ล้านบาท และเป้ารายได้จากการโอน 8,278 ล้านบาท ในส่วนธุรกิจ โซลาร์ ปัจจุบันบริษัทกำลังเจรจากับลูกค้ารายใหญ่จำนวน 2 ราย เพื่อให้บริการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟและให้บริการเช่าแผงในระยะยาว ซึ่งจะทำให้ธุรกิจโซลาร์เติบโตไปในอีกระดับ ส่วนธุรกิจเช่าที่บริษัทวางแผนเพิ่มโครงการในธุรกิจเช่า เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวมในอีก 3 ปี ข้างหน้า เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินในระยะยาว

            ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้พิจารณา สำหรับผลการดำเนินงาน งวดวันที่ 1 มกราคม 2561 – 31 ธันวาคม 2561 จำนวนประมาณ 384,051,888.40 บาท หรือคิดเป็นอัตราหุ้นละ0.270310บาท ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วรวม 155,924,872.77 บาท หรือคิดเป็น 0.109757 บาทต่อหุ้น บริษัทจึงเสนอจ่ายเป็นเงินสดเพิ่มเติมอีก ประมาณ 228,127,367.71 บาท คิดเป็น0.160553บาทต่อหุ้นทั้งนี้ มีกำหนดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ขึ้นในวันที่ 26 เมษายนนี้  ซึ่งทางบริษัทจะเสนอขออนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ต่อไป  

Leave A Reply

Your email address will not be published.