ออฟิศกลางกรุง มีต้นทุนค่าตกแต่ง ต่ำเป็นอันดับ 7 ของเอเชียแปซิฟิก คาดต้นทุนค่าตกแต่งในอนาคตยังไม่ปรับเพิ่ม สวนทางภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ปรับสูงขึ้น
จากรายงาน Asia Pacific Fit-Out Cost Guide 2020/2021 ที่จัดทำขึ้นโดยบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล ระบุ กรุงโตเกียว เป็นเมืองที่มีค่าตกแต่งออฟฟิศสำนักงานแพงที่สุดในเอเชียแปซิฟิก มีอัตราเฉลี่ยที่ประมาณ 58,800 บาทต่อตารางเมตร เทียบกับอัตราเฉลี่ยของทั้งภูมิภาคที่ประมาณ 30,530 บาทต่อตารางเมตร ขณะที่กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีต้นทุนค่าตกแต่งออฟฟิศต่ำเป็นอันดับ 7 ของภูมิภาค เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 21,750 ต่อตารางเมตร ถูกกว่าโตเกียว 170% และสูงกว่าเมืองที่มีค่าตกแต่งออฟฟิศถูกที่สุดในภูมิภาคเพียงไม่ถึง 14% คือเมืองอาห์เมดาบัดของอินเดียที่มีค่าตกแต่งเฉลี่ยประมาณ 18,820 บาทต่อตารางเมตร โดยรายงานฉบับนี้ ศึกษาต้นทุนค่าออกแบบตกแต่งออฟฟิศในหัวเมืองใหญ่ 30 เมืองของ 13 ประเทศ และ 2 เขตปกครองพิเศษในเอเชียแปซิฟิก
นายสตีเฟน เทเลอร์ กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจบริหารโครงการก่อสร้าง ออกแบบ และตกแต่ง เจแอลแอลประจำประเทศไทย กล่าวว่า แม้จะมีการแข่งขันสูงด้านราคาในหมู่ผู้รับเหมาก่อสร้าง-ออกแบบตกแต่ง แต่พบว่า ค่าออกแบบตกแต่งออฟฟิศโดยเฉลี่ยในกรุงเทพฯ ไม่ได้ปรับลดลง โดยยังคงมีระดับค่อนข้างคงที่
อย่างไรก็ดี ค่าออกแบบตกแต่งที่กล่าวถึงนี้ ยังไม่รวมการคืนพื้นที่เช่าเดิมให้แก่เจ้าของอาคารในกรณีที่ย้ายสำนักงานไปยังอาคารใหม่ หรือลดขนาดพื้นที่เช่าลงจากเดิม ทั้งนี้ พบว่า การรื้อถอนให้พื้นที่เช่ากลับสู่สภาพเดิมก่อนส่งมอบพื้นที่คืนให้กับเจ้าของอาคาร มีต้นทุนปรับเพิ่มสูงขึ้
อย่างไรก็ดีขณะนี้ มีบริษัทหลายบริษัทที่ต่อสัญญาเช่ากับเจ้าของอาคารที่อยู่ในปัจจุบัน พร้อมๆ กับการลดขนาดสำนักงานลง และคืนพื้นที่เช่าบางส่วน ซึ่งในการคืนพื้นที่ ส่วนใหญ่มักมีสัญญาผูกพันให้ผู้เช่าต้องคืนพื้นที่ให้กับเจ้าของอาคารในสภาพเดิมก่อนย้ายเข้า ในขณะที่งานรื้อถอนส่วนใหญ่สามารถทำได้เฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การรื้อถอนเพื่อคืนพื้นที่มีต้นทุนสูงขึ้น โดย คาดว่า แนวโน้มเหล่านี้จะดำเนินต่อไปในปี 2564
คาดค่าตกแต่งออฟฟิศในเมืองหลักๆ ส่วนใหญ่ของเอเชียแปซิฟิกปรับตัวสูงขึ้นในปี 2564
รายงานจากเจแอลแอลระบุว่า เมื่อเทียบปีนี้กับปีที่ผ่านมา พบว่า ต้นทุนค่าออกแบบตกแต่งสำนักงานในเอเชียแปซิฟิกโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 4.7% ซึ่งมีปัจจัยหลักๆ มากจากปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ข้อจำกัดจากมาตรการรักษาความปลอดภัยในสุขภาพ การขาดแคลนวัสดุ และต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น
โดยนายมาร์ติน ฮินจ์ กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจบริหารโครงการก่อสร้าง ออกแบบและตกแต่งของเจแอลแอลภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกอธิบายว่า เมืองที่มีการพึ่งพาแรงงานต่างชาติค่อนข้างมาก กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากรัฐบาลของประเทศต่างๆ มีมาตรการคุมเข้ม ไม่เฉพาะเกี่ยวกับการควบคุมการนำเข้าแรงงาน แต่ยังรวมถึงการออกระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับการตรวจสอบทั่วไป การดูแลป้องกันด้านสุขภาพและความปลอดภัย และการอนุญาตให้มีดำเนินงานก่อสร้างใดๆ ต่อ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาตรการควบคุมและป้องกันที่จำเป็น แต่ขณะเดียวกัน ได้ส่งผลให้การดำเนินงานก่อสร้างได้ประสิทธิผลลดลงและต้องยืดเวลาออกไปซึ่งเป็นปัจจัยทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น”
โดยรวม แม้ต้นทุนการออกแบบตกแต่งจะปรับเพิ่มขึ้น แต่เจแอลแอลเชื่อว่า บริษัทหรือองค์กรต่างๆ จะยังคงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงออฟฟิศเพื่อช่วยให้พนักงานมีความปลอดภัยและทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากขึ้น และแม้หลายๆ บริษัทอาจพิจารณาปรับลดขนาดสำนักงาน แต่สำนักงานจะยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับองค์กรต่อไปเนื่องจากเป็นสถานที่ที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กร การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานที่มีความสามารถยังคงอยู่ หรือเข้ามาร่วมงานกับองค์กร
นายฮินจ์กล่าวว่า วิถีการทำงานของผู้คนได้รับผลกระทบที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่บริษัทต่างๆ กำลังทบทวนความจำเป็นเกี่ยวกับการใช้ออฟฟิศสำนักงานเพื่อหาช่องทางในการลดต้นทุนในสถานการณ์โรคระบาดที่ส่งผลกระทบการดำเนินธุรกิจ นอกจากนี้ ในหลายๆ ประเทศ ภาคธุรกิจเริ่มให้พนักงานกลับเข้าทำงานในออฟฟิศ หลายบริษัทได้ปรับเปลี่ยนการใช้พื้นที่สำนักงานให้สามารถรองรับมาตรการเว้นระยะห่าง รวมถึงเน้นความสำคัญของการมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานร่วมกันได้โดยที่ไม่มีอุปสรรคจากมาตรการเว้นระยะหรือการทำงานต่างสถานที่กัน