พฤกษา ดิ้นรักษาผู้นำตลาดทาวนเฮ้าส์
หลังยอดขายหด/ลุยเปิด 44 โครงการ
พฤกษา ดิ้นรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดทาวน์เฮ้าส์ หลังยอดขายไตรมาสแรกปีนี้ทำได้ 4,787ล้าน ต่ำกว่าปีที่ผ่านมาทำได้ 5,146 ล้านหรือลดลง กว่า 7% เหตุการณ์แข่งสูง คู่แข่งชิงแชร์ตลาดต่อเนื่อง เปิดเกมขยายฐานกลุ่มลูกค้าทุกระดับราคาทั่วประเทศตั้งเป้า หวังครองตลาดรวมทั้งปี 22% กว่า 19,710 ล้านบาท ลุย 44 โครงการมูลค่า 27,853 ล้าน
ความพยายามรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดบ้านประเภททาวน์เฮ้าส์ของค่าย “พฤกษา” ที่มีมายาวนานกว่า 10 ปีด้วยการครองส่วนแบ่งทางการตลาดทาวน์เฮ้าส์ที่มีมูลค่าตลาดรวม 77,927 ล้านบาท ตลาดบ้านทาวน์เฮ้าส์ ถือเป็นกุญแจความสำเร็จ (คีย์ซักเซส) ขององค์กรแห่งนี้นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อหลายสิบปีก่อน ในฐานะเจ้าพ่อบ้านราคาถูก ในสถานการณ์ปัจจุบันพฤกษามียอดขายทาวน์เฮ้าส์ช่วงไตรมาสแรกปี 2561 สิ้นสุดเดือนมีนาคม อยู่ที่ 4,787 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส แรกปี 2560 ที่ทำได้ 5,146 ล้านบาท ลดลง 359 ล้านบาทหรือ 7% และหากเปรียบเทียบ ไตรมาสแรกตลอด 3 ปี คือ คือ ไตรมาสแรก ปี 2559 ปี 2560 และปี 2561 พบว่า ยอดขายกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง จาก 5,327 ล้านบาท, 5,146 ล้านบาท และ 4,787 ล้านบาท ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ยอดขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่ลดลงของค่ายพฤกษานั้น ส่วนหนึ่งเพราะผู้บริโภคมีตัวเลือกสินค้าที่มากขึ้น มีผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ต่างหันมาเจาะตลาดนี้มากขึ้นด้วยดีไซน์ สิ่งอำนวยความสะดวก และทำเล ราคา ที่แตกต่างและตอบโจทย์โดนใจผู้บริโภค ตามความต้องการ
ทั้งนี้โครงการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านทาวน์เฮ้าส์ ของพฤกษา ถือเป็นแกนกลางสนับสนุน และรองรับกำลังผลิต ระบบพื้น ผนังสำเร็จรูป “พรีคาสท์” (Precast) โดยตรง เพราะบ้านทาวน์เฮ้าส์ของพฤกษาก่อสร้าง ระบบพื้นและผนังสำเร็จรูป “พรีคาสท์” (Precast) ทั้งหมด 100% หากยอดขายโครงการบ้านทาวน์เฮ้าส์มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยอมส่งผลกระทบกำลังผลิตโรงงาน “พรีคาสท์” (Precast) ที่เป็นความภาคภูมิใจของ “ทองมา วิจิตพงศ์พันธ์” เจ้าของบริษัทและในฐนะเศรษฐีหุ้นเมืองไทย อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ล่าสุดนายธีรเดช เกิดสำอางค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จากัด (มหาชน) กล่าวถึง ยอดขายบ้านทาวน์เฮ้าส์ของบริษัทในไตรมาสแรกว่า อยู่ที่ 18% ของตลาดรวม แต่ทั้งนี้คาดว่าจะรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดนี้ได้เมื่อสิ้นสุดปี 2561 โดยตั้งเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ 19,710 ล้านบาท คิดเป็น 22% ของตลาดรวมที่คาดว่ามีประมาณ 88,705 ล้านบาท ในส่วนที่มีการเข้ามาชิงแชร์ตลาดบ้านทาวน์เฮ้าส์มากขึ้นของคู่แข่งขันนั้น ทางเราโฟกัสที่องค์กรเราเป็นหลัก ไม่ได้มองว่าคู่แข่งขันเป็นใคร จะมาแชร์ส่วนแบ่งมากน้อยอย่างไร
ปัจจุบันภาพรวมตลาดทาวน์เฮาส์ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2561 คาดว่ามีมูล ค่าตลาดประมาณ 88,705 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 14% โดยกลุ่มธุรกิจทาวน์เฮาส์ ยังถือเป็นพอร์ตหลักของพฤกษา ปัจจุบันบริษัทส่งมอบบ้าน ให้ลูกค้าไปแล้วกว่า 130,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาความเป็นผู้นำตลาดบ้านทาวน์เฮ้าส์ บริษัทมีแผนเจาะกลุ่มลูกค้า ในระดับ ราคา 5-7 ล้านมากขึ้น โดยยังคงมุ่งเน้น ตลาดระดับกลาง ในราคา 1.5-2 ล้านบาท และราคา 2-3 ล้านบาท นอกจากนี้จะพัฒนาบ้าน ในระดับ ราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ครอบคลุมทุกระดับราคา
ขณะเดียวกัน มีแผนรุกตลาดต่างจังหวัดประเทศ โดยเฉพาะใน เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เป็นหัวเมืองท่องเที่ยว และพื้นที่เขตอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าตลาดสูงเกือบ 60,000 ล้านบาท คือ จ.ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง รวมถึงนครปฐม, ขอนแก่น ส่วนอีกกลยุทธ์หนึ่งที่วางไว้เพื่อรักษาผู้นำทาวน์เฮาส์ก็ คือการ “ใส่ใจ” พัฒนาคุณภาพสินค้า และบริการอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีจุดแข็งในด้านนวัตกรรมการก่อสร้าง เป็นบริษัท แรกของประเทศไทยที่นำเทคโนโลยีพรีคาสท์ (Precast) จากเยอรมันมาใช้อย่างจริงจัง และได้ร่วมกับพันธมิตรเพื่อนำนวัตกรรม และอินโนเวชั่น มาใช้ในกลุ่มทาวน์เฮาส์ คือ นวัต กรรม บ้านหายใจได้ หรือออกแบบระบบไหลเวียนอากาศภายในบ้าน โดยใช้แนวคิดการดึง อากาศบริสุทธิ์จากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้าน ส่งผลให้อากาศภายในบ้านถ่ายเทได้ดี ความร้อนในบ้านลดลง ล่าสุดได้จดสิทธิบัตรแล้ว
นอกจากนี้การนาระบบ Home Automationที่สามารถควบคุม และสั่งการเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่านSmartPhone ตลอดจนการใช้เสาเข็มมาตรฐานมอก. พร้อมเสริมความแข็งแรงของพื้นที่หลัง บ้านด้วยเสาเข็มขนาดยาวลึกเท่าตัวบ้าน เพื่อรองรับการใช้งานเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ของลูกค้า รวมถึงยัง ได้ศึกษาเทรนด์โลก ด้วยการนำเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้พัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอ เพื่อตอบโจทย์ความ ต้องการของลูกค้าทั้งในวันนี้และอนาคต พร้อมนำฐานข้อมูลลูกค้าของพฤกษาซึ่งมีอยู่กว่า 1 ล้านคนมาวิเคราะห์ประมวลผลเชิงลึกหรือที่เรียกว่า BIGDATA เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าและบริการให้ตรงความต้องการของลูก ค้าได้มากที่สุด