ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ทุ่มงบผุด 2 “ไลโอ (Lio)” “ไลโอ ติวานนท์ รังสิต และ ไลโอ รังสิต บางพูน” กวาดกำลังซื้อย่านรังสิต-บางพูน-ติวานนท์
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ทุ่มงบ 930 ล้านบาท กับ 2 โครงการทาวน์โฮมคุณภาพแบรนด์ไลโอรวม 364 ยูนิต รองรับการขยายตัวของพื้นที่ย่าน รังสิต-ดอนเมือง-บางพูน-ติวานนท์ ที่กำลังเนื้อหอมดูดกำลังซื้อกลุ่มใหม่จากภายนอก และขยายกำลังซื้อกลุ่มคนในพื้นที่
ชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี’ เปิดเผยว่า ศักยภาพของทำเลในย่านรังสิต บางพูน ติวานนท์ ในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งขึ้น ทั้งด้านการขยายตัวของเครือข่ายคมนาคมที่ครอบคลุมทุกการเดินทาง ตลอดจนเกิดการพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนเพิ่มขึ้นด้วยทั้งด้านระบบสาธารณูปโภค การศึกษา สถานพยาบาล และแหล่งด้านสันทนาการต่างๆ ทำให้ย่านดังกล่าวกลายเป็นหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดสำหรับพักอาศัยของโซนรังสิต-ดอนเมือง ทั้งยังมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในทุกรูปแบบ ทั้งที่อยู่อาศัย, โครงการมิกซ์ยูส (Mixed-Use), คอมมูนิตี้มอลล์ (Community mall) และเมกะโปรเจกต์ (Mega Project) อย่างต่อเนื่อง
“ทำเลย่านรังสิต บางพูน ติวานนท์ เป็นทำเลที่เชื่อมต่อกับกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกทั้งทางรถและทางราง อาทิ ทางด่วน ทางพิเศษโทลเวย์ รถไฟฟ้าสายสีแดง ฯลฯ ครบครันด้านสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต และด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ทำให้รังสิต บางพูน ติวานนท์ กลายเป็นทำเลที่คุ้มค่าและน่าอยู่ และด้วยศักยภาพดังกล่าวนี้ทำให้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เดินหน้าพัฒนา 2 โครงการทาวน์โฮมคุณภาพ “ไลโอ ติวานนท์ – รังสิต และ ไลโอ รังสิต – บางพูน(2)” ขึ้น และจากการจัด soft launch เปิดตัวโครงการเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้รับผลตอบรับอย่างดีเยี่ยม ปัจจุบันมียอดขายเกิน 75% ในเฟสแรกที่เปิดตัวนับเป็นผลสำเร็จที่ดี หากวิเคราะห์ ถึงกำลังซื้อในอนาคตของย่านนี้ เรามั่นใจว่ายังเป็นที่ต้องการเพราะกำลังอยู่ในช่วงขยายเมืองเพื่อรองรับการขยายตัวของจำนวนประชากรในพื้นที่และการย้ายถิ่นฐานของคนนอกพื้นที่มาอยู่ย่านนี้” นายชูรัชฏ์ กล่าว
ทั้งนี้ โครงการทาวน์โฮมคุณภาพ “ไลโอ ติวานนท์ รังสิต” มีจำนวนยูนิตรวม 154 ยูนิต พัฒนาขึ้นบนพื้นที่ 16 ไร่ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท และ “ไลโอ รังสิต – บางพูน(2)” มีจำนวยยูนิตรวม 210 ยูนิต พัฒนาขึ้นบนพื้นที่ 19 ไร่ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 530 ล้านบาท ที่พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด Green Living Standard ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมเติมเต็มเทรนด์การพัฒนาที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ของโลก และครีเอทฟังก์ชันพื้นที่ใช้สอยทุกมุมภายในบ้านให้เหมาะกับสมาชิกทุกคนในครอบครัวรองรับการอยู่อาศัยในรูปแบบ Multi-generation ได้อย่างตอบโจทย์ รวมทั้งการพัฒนาพื้นที่ Multipurpose room ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามที่เจ้าของบ้านต้องการ ในราคาขายเริ่มต้นที่ 1.99 ล้านบาท ซึ่งคุ้มค่าที่สุดในย่านนี้
