ความต้องการพื้นที่สำนักงานในไทยยังคงมีอยู่ ขณะที่ผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในเอเชียแปซิกสนใจขยายพื้นที่ในระยะยาวมากขึ้น

608

การสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของผู้เช่าระดับภูมิภาคโดยซีบีอาร์อี เกี่ยวกับแผนการขยายพื้นที่สำนักงานการเปลี่ยนแปลงสู่การทำงานแบบไฮบริด และแนวโน้มการออกแบบสถานที่ทำงานเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม นวัตกรรม และการทำงานร่วมกัน

จากรายงานการสำรวจตลาดพื้นที่สำนักงานในอนาคตในเอเชียแปซิฟิก ปี 2564 ของซีบีอาร์อีที่เผยแพร่ในวันนี้ พบว่า บริษัทที่เป็นผู้เช่าพื้นที่สำนักงานวางแผนที่จะขยายพื้นที่สำนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้นในระยะยาว และนำกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและการทำงานแบบผสมผสานในรูปแบบใหม่ ๆ  หรือ Hybrid Workingมาใช้

การสำรวจความคิดเห็นของผู้เช่าพื้นที่สำนักงานในทุกธุรกิจและในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียแปซิฟิก พบว่า ประมาณ 50% ของผู้ตอบแบบสำรวจส่งสัญญาณถึงเจตนารมณ์ที่จะเพิ่มพื้นที่สำนักงานในพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งนับว่าเจตนารมณ์ดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมากจากเพียง 23% ในเดือนตุลาคม ปี 2563

บริษัทในเอเชียเป็นกลุ่มหลักที่ต้องการขยายพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยี และบริษัทด้านการลงทุนและประกันภัยบางแห่ง   สำหรับบริษัทข้ามชาติ การควบรวมสาขาต่างๆ และมองหาพื้นที่ที่มีคุณภาพดีที่สุดยังคงเป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญ แต่บริษัทข้ามชาติบางแห่งยังคงต้องการขยายพื้นที่ในระยะยาว อย่างเช่นบริษัทด้านเทคโนโลยี

แผนภูมิ 1: คาดหวังว่าพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในอีกสามปีข้างหน้า?

72990

ที่มา: การสำรวจตลาดพื้นที่สำนักงานในอนาคตในเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2564 ของซีบีอาร์อี ณ กรกฎาคม 2564

สิ่งที่ช่วยสนับสนุนแผนการขยายพื้นที่ของผู้เช่าคือความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญทั่วทั้งภูมิภาค  ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ หรือ 71%  เชื่อว่าสภาวะตลาดในปัจจุบันกำลังดีขึ้น ซึ่งความเชื่อมั่นนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 22% และ 48% ของผู้ตอบแบบสำรวจเมื่อเดือนเมษายน 2563 และตุลาคม 2563 ตามลำดับ   ผู้ตอบแบบสำรวจในจีนและแปซิฟิกมีระดับความเชื่อมั่นสูงสุด ขณะที่อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย มีความเชื่อมั่นน้อยสุด

ในขณะที่อัตราการติดเชื้อที่ไม่สามารถคาดเดาได้จะยังคงส่งผลต่อการฟื้นตัวของภูมิภาคโดยรวมในอนาคตอันใกล้ แต่ด้วยโครงการฉีดวัคซีนที่เกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคทำให้ความเชื่อมั่นของบริษัทต่าง ๆ แข็งแกร่งมากขึ้น

แผนภูมิ 2: สภาวะธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันเป็นอย่างไร?

ที่มา: การสำรวจตลาดพื้นที่สำนักงานในอนาคตในเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2564 ของซีบีอาร์อี ณ กรกฎาคม 2564

ในขณะที่การฟื้นตัวอยู่ในระดับที่เร็วขึ้นและอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เช่า บริษัทต่าง ๆ จึงตั้งใจที่จะให้พนักงานกลับเข้ามาที่สำนักงาน พร้อมทั้งเพิ่มความยืดหยุ่นและทางเลือกในการทำงานที่มากขึ้น

เมื่อมีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้ได้เป็นอย่างดี   ผู้ตอบแบบสำรวจคาดหวังให้พนักงานทำงานในสำนักงานบ่อยกว่าทำงานจากที่บ้าน ทำให้การทำงานแบบไฮบริดจะกลายเป็นเรื่องปกติ    ในขณะเดียวกัน บริษัทต่าง ๆ ได้เริ่มกำหนดนโยบายการทำงานนอกสำนักงานซึ่งจะขึ้นอยู่กับแนวทางปฏิบัติหรือการอนุมัติของแต่ละบริษัท ทำให้หัวหน้างานสามารถกำหนดตารางการทำงานของทีมงานและความเหมาะสมในการทำงานนอกสำนักงานได้    ซีบีอาร์อีเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงด้านรูปแบบการทำงานดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าการทำงานแบบไฮบริดจะส่งผลกระทบต่อความต้องการพื้นที่สำนักงานในอนาคตในวงจำกัด

นางสาวรุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ หัวหน้าแผนกพื้นที่สำนักงาน ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “สำหรับประเทศไทย การทดลองทำงานนอกสำนักงานในช่วงล็อกดาวน์ได้ก่อให้เกิดผลที่น่าพึงพอใจ ทำให้หลายบริษัทตั้งใจที่จะอนุญาตให้พนักงานทำงานนอกสำนักงานได้    ในทางกลับกัน ก็เป็นการกระตุ้นให้มีการหันกลับมาประเมินกลยุทธ์ด้านกำลังคนใหม่ และให้ความสำคัญกับเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่สำนักงาน   แต่แทนที่จะลดทอนความต้องการพื้นที่สำนักงานอันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าจะมีการทำงานนอกสำนักงานมากขึ้น  ซีบีอาร์อีเชื่อว่าผู้เช่าจะยังคงต้องการสำนักงาน โดยที่สำนักงานได้รับการยกระดับด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้มีการจัดพื้นที่ทำงานมีความหลากหลายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับรูปแบบการทำงานของพนักงานที่แตกต่างกัน และทำให้สถานที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการสนับสนุนการทำงานร่วมกัน  การทำงานเป็นทีม  การมีส่วนร่วมของพนักงาน  และนวัตกรรมที่นำมาใช้”

แผนภูมิ 3: การให้คะแนนด้านต่าง ๆ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ทำงานในสำนักงานกับการทำงานนอกสำนักงาน

ที่มา: การสำรวจตลาดพื้นที่สำนักงานในอนาคตในเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2564 ของซีบีอาร์อี ณ กรกฎาคม 2564

“สำนักงานต่าง ๆ จะได้รับการจัดรูปแบบเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันและสร้างการเชื่อมโยงถึงกันมากกว่าที่ผ่านมา และการออกแบบสถานที่ทำงานจะต้องได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ตามความเหมาะสม    ซีบีอาร์อีคาดว่าจะมีความต้องการพื้นที่สำหรับการประชุมที่ไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้าและพื้นที่ส่วนกลางในสำนักงานเพิ่มมากขึ้น   และจากการทำงานแบบไฮบริด บริษัทต่าง ๆ จะพิจารณาลดจำนวนห้องประชุมขนาดใหญ่ เพราะพนักงานทำงานเป็นรายบุคคลและจัดการประชุมทีมขนาดเล็กบ่อยครั้งขึ้น  ในขณะเดียวกัน ผู้เช่ามีแนวโน้มที่จะคาดหวังมากขึ้นจากเจ้าของอาคารในการจัดหาโซลูชั่นและบริการต่าง ๆ ที่ต้องการสำหรับการจัดประชุมและจัดงานขนาดใหญ่” นางสาวเอดา ชอยหัวหน้าแผนกวิจัย การวิเคราะห์และการบริหารจัดการข้อมูล ของซีบีอาร์อี กล่าว

ผลการสำรวจครั้งนี้ยังมีนัยยะหลายประการสำหรับนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลายรายกำลังจับตาดูการฟื้นตัวของความต้องการพื้นที่สำนักงานอย่างใกล้ชิดและพยายามปรับกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มของผู้เช่าที่ปรากฎในการสำรวจครั้งนี้

“ในปัจจุบัน โครงการอาคารสำนักงานที่มีคุณภาพในเอเชียแปซิฟิกเป็นโอกาสน่าสนใจสำหรับนักลงทุนซึ่งสวนทางกับวัฎจักรเศรษฐกิจ   นักลงทุนควรทราบถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของผู้เช่าในการขยายพื้นที่ในระยะกลาง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจในเอเชีย    สินทรัพย์ที่มีประวัติผู้เช่าดีและรองรับกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโต เช่น ธุรกิจเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม (TMT) และบริษัทที่มีฐานที่ตั้งในเอเชีย สินทรัพย์ดังกล่าวอยู่ในสถานะที่ดีที่จะทำผลงานได้ดีกว่า  ซึ่งควรได้รับการจัดลำดับความสำคัญ เนื่องจากสินทรัพย์เหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะดึงดูดนักลงทุนที่ต้องการมองหาโครงการมีคุณภาพดีที่สุด    นอกจากนี้ ซีบีอาร์อียังแนะนำให้นักลงทุนติดตามความต้องการเช่าพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นในโครงการที่ตอบโจทย์ในด้านสุขภาพ เทคโนโลยี และความยืดหยุ่น   รวมถึงพิจารณาการให้บริการพื้นที่สำนักงานแบบยืดหยุ่นและพื้นที่สำหรับจัดประชุมแบบตามความต้องการของผู้เช่า”ดร.เฮนรี่ ชินหัวหน้าฝ่าย Investor Thought Leadership และหัวหน้าแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี เอเชียแปซิฟิก

Leave A Reply

Your email address will not be published.