AP เครม“ผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวในเมือง”ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ชี้ผ่าน 15 ปีมี 80 โครงการ 50 โมเดลบ้านโว! สร้างไม่ทันขาย เปิดขายใหม่ 6 โครงการ 2 วัน ฟัน1,000 ล้าน
รายงาน
AP เครม “ผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวในเมือง” ท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ชี้ผ่าน 15 ปีมี 80 โครงการ 50 โมเดลบ้านโว! สร้างไม่ทันขาย เปิดขายใหม่ 6 โครงการ 2 วัน ฟันยอด 1,000 ล้าน มรสุม โควิดไม่ระคาย 8 เดือน ทำนิวไฮน์กำยอดขายแนวราบ18,400 ล้านจากยอดรวมที่ทำได้ 21,420 ล้านบาท ยันธุรกิจอสังหาฯแค่โลเคชั่นไม่พอชูคอนเซ็ปต์ HYBRID LIVING 4 นวัตกรรมบ้านเดี่ยวที่เข้าใจชีวิต ลงตัวด้วยการออกแบบให้ทุกตารางนิ้ว และเชื่อมต่อรายละเอียดชีวิตในทุกเจเนอเรชั่น
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโลน่า หรือโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย แม้แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม ได้รับผลกระทบครั้งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้มีจำนวนคอนโดฯรอขายในตลาดกว่า 140,000 ยูนิต ซึ่งต้องใช้เวลาการดูดซับเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจเป็นปกติ
อย่าไรก็ดี ในท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาสของธุรกิจโดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบประเภททาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว ที่ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทนี้ หรือเรียลเมานด์อย่างต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการรายใด จะสามารถพัฒนาสินค้าได้ตรงกลุ่มใจเป้าหมายสูงสุด เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค
เอพี (ไทยแลนด์) ภายใต้การกุมบังเหียนของ “เสี่ยตี๋” อนุพงษ์ อัศวโภคิน” เป็นหนึ่งองค์กรที่น่าจับมอง การรุกคืบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาตั้วแต่ปี 2534 สร้างชื่อพัฒนาโครงการแนววราบในแบรนด์ “บ้านกลางเมือง” ที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ขณะที่วันนี้กำหนดพันธกิจของแองค์กร ‘EMPOWER LIVING’ เติมเต็มทุกเป้าหมายของชีวิต ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อตอกย้ำการเป็นดีเวลลอปเปอร์ที่ผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวในเมือง
โดยนายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจกลุ่มสินค้าบ้านเดี่ยว หนึ่งในคีย์แมนคนสำคัญของบมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า เอพีสามารถประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยบ้านเดี่ยวในเมืองนั้น ส่วนสำคัญมาจากวิธีคิดในการทำงาน ภายใต้ค่านิยม Put People First คือการเข้าใจความต้องการของลูกค้า และรับฟังความคิดของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5ค่านิยมของเอพีภายใต้พันธกิจใหญ่ EMPOWER LIVING กับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้ทุกพื้นที่ภายในโครงการบ้านเดี่ยวของเอพี สอดรับกับความต้องการและเชื่อมต่อทุกเรื่องราวชีวิตของลูกค้าในแต่ละเจเนอเรชั่นได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์ที่สุด
นอกจากนี้ด้วยจุดยืน ‘บ้านที่เข้าใจชีวิต’และการผสานเทคโนโลยีเข้ากับการออกแบบพื้นที่ใช้สอย เชื่อมต่อความต้องการของทุกเจเนอเรชั่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ HYBRID LIVINGบ้านเพื่อการใช้ชีวิตแบบไฮบริดที่ลงตัว โดยล่าสุด บริษัทได้เปิดพรีเซลโครงการบ้านเดี่ยในเมืองใหม่6 โครงการ ถือเป็นการสวนกระแสสถานการร์โควิด 19 สามารถทำยอดขายใน 2วันมูลค่ากว่า 1,000 ล้าน เมื่อนับยอดขายใหม่ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ สามารถสร้างนิวไฮครั้งใหม่จากยอดขายแนวราบ กว่า 18,400 ล้านบาท จากยอดขายรวมที่ทำได้ 21,420ล้านบาท ขณะที่มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุนมูลค่า49,330 ล้านบาท และจำนวน 12,010ล้านบาท จะเป็นรายได้ที่มาจากสินค้าแนวราบ สามารถรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้
อย่างไรก็ดี ตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีของการพัฒนาบ้านเดี่ยวมาแล้วกว่า 80 โครงการ มูลค่าร่วม 100,000 ล้านบาท มีแบบบ้านกว่า 50 โมเดล จากรานได้ พันล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดเป็น หลักหมื่นล้านในปี 2562 นับว่าตลาดบ้านเดี่ยวของบริษัทครองส่วนแบ่งตลาด(Market Share) มากสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนยูนิตที่ขายได้มากสุดของ ตลาดบ้านเดี่ยวในเมืองและปริมณฑล นับจากปี2015ถึงครึ่งปีแร2020โดยคีย์ไดรฟ์สำคัญที่ส่งผลให้บ้านเดี่ยวเอพีประสบความสำเร็จในวันนี้และในอนาคต ผ่าน 3แบรนด์คุณภาพ ได้แก่ THE PALAZZO คฤหาสน์หรูในเซ็กเมนต์ซูเปอร์ลักชัวรี่ ราคา 25-60 ล้านบาทขึ้นไปTHE CITY บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่เซ็กเมนต์ไฮเอนด์ ราคา 9-25ล้านบาท และ CENTRO บ้านเดี่ยวดีไซน์โมเดิร์นสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวเซ็กเมนต์กลางบน ราคา 4.5-12 ล้านบาท
ทั้งนี้ในวันที่ 12-13 กันยายนที่ผ่านมาเอพี เปิดพรีเซลบ้านเดี่ยว 6 โครงการใหม่ คือโครงการTHE CITY สาทร-สุขสวัสดิ์ 2ราคา 29.9-37ล้านบาท, โครงการล THE CITY พระราม 2-พุทธบูชา ราคา9-15 ล้านบาท, โครงกาTHE CITY พระราม 9-รามคำแหง ราคา 11-25 ล้านบาท, โครงการ THE PALAZZO ปิ่นเกล้าราคา 35-60ล้านบาท, โครงการ CENTRO พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา ราคา 7.9-15 ล้านบาท และ โครงการCENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก 2 ราคา 7.59-11 ล้านบาท ถือเป็นการ สวนกระแสข่าวตลาดอสังหาฯ ถดถอย สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า1,000ล้าน ใน 2 วัน บางโครงการบริษัทไม่สามารถสร้างบ้านได้ทันการขาย ซึ่งสะท้อนได้ถึงภาพกำลังซื้อในตลาดระดับบนยังคงมีอยู่ ตลอดจนความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อบ้านเดี่ยวเครือเอพี
อย่างไรก็ดี แผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2563 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวม 8 เดือนกว่า21,420ล้านบาท จากเป้ายอดขายที่ 33,500ล้านบาท โดย 18,400ล้านบาทมาจากสินค้ากลุ่มแนวราบ คิดเป็น82% ของเป้ายอดขายแนวราบทั้งปีที่ 22,500ล้านบาท โตขึ้น 15% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ในครึ่งปีแรกบริษัทฯ มีรายได้รวม 100%JV มากถึง 19,960ล้านบาท ด้านสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 49,330ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว12,010ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 37,320ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปีนี้อีกประมาณ 9,008ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ทั้งนี้ในไตรมาส 4 กลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยวเตรียมเปิดตัวโครงการอีกจำนวน2 โครงการ รวมมูลค่า 1,800ล้านบาท ได้แก่ THE CITY บรมราชชนนี-ทวีวัฒนา มูลค่า 890ล้านบาท และโครงการย่านสาธุประดิษฐ์ 1มูลค่า 910ล้านบาท รวมทั้งปีกลุ่มธุรกิจบ้านเดี่ยว เปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น18 โครงการ มูลค่า20,430ล้านบาท
ขณะที่นางพิมพรรณ ปรีชานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานบริหารแบรนด์และพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยว บมจ. เอพี(ไทยแลนด์) กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันความท้าทายของการพัฒนาสินค้าบ้านเดี่ยวมาถึงจุดที่ยกระดับไปมากกว่า เรื่องของทำเลที่ตั้ง และเรื่องของฟังก์ชันการใช้งาน หัวใจของการออกแบบพัฒนาโครงการในวันนี้และในอนาคตจึงเป็นเรื่องสำคัญที่แบรนด์ต้องกลับมาทำการบ้านในการออกแบบพื้นที่มากขึ้น รวมถึงการเข้าใจอินไซต์ของการใช้พื้นที่ที่แตกต่างกันของทุกสมาชิกในครอบครัว เพราะถ้าเราถอดรหัสความต้องการในการใช้พื้นที่จริงๆ ของบ้านหลังหนึ่งแล้วนั้น เราจะพบว่าทั้งเพศ วัย ไลฟ์สไตล์ ความต้องการพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ส่วนรวมภายในบ้านหนึ่งหลัง มีรายละเอียดที่การออกแบบจะต้องเข้าไปตอบโจทย์และสร้างคอมมูนิตี้เกิดขึ้น ตลอดจนเพิ่มฟังก์ชันส่วนกลาง พื้นที่สีเขียวในโครงการ ความปลอดภัย และสังคมที่ดีในภาพใหญ่ให้เกิดขึ้นไปในขณะเดียวกัน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สร้างให้บ้านเดี่ยวเอพีมีความแตกต่างและนำมาสู่ความสำเร็จ รวมถึงการต่อยอดจุดยืน ‘บ้านที่เข้าใจชีวิต’ ไปสู่การผสานเทคโนโลยีเข้ากับการอยู่อาศัยจนเกิดเป็นแนวคิด HYBRID LIVINGนวัตกรรมบ้านที่เข้าใจการใช้ชีวิตแบบไฮบริดผ่าน 4แกนสำคัญ ได้แก่
ด้าน Cost-saving- นวัตกรรมเพื่อส่วนรวมกับพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับการทำกิจกรรมแบบจัดเต็มของคนทุกวัย โดยไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่าย ด้วยคลับเฮ้าส์พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power system) ทำงานผ่านระบบโซล่าเซลล์ที่อยู่ในส่วนบนของหลังคาคลับเฮ้าส์
ด้าน Security- นวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยกับระบบรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะภายในบ้าน ดูแลสมาชิกทุกคนตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว แจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมส่งเสียงไซเรนเตือนผู้บุกรุก กล้อง IP Camera ที่สามารถ Live Stream ภาพ เพื่อดูแลทุกสมาชิกครอบครัว ระบบ Digital Door Lock เปิด-ปิดประตูหน้าบ้านผ่าน Applicationพร้อม ระบบ Pin Code ชั่วคราวที่ใช้ได้ครั้งเดียวสำหรับแขกคนพิเศษ หรือปุ่มเรียกฉุกเฉินสำหรับยามคับขันสร้างความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัยทุกวัย
ด้าน Comfort- นวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบายกับระบบสั่งการอัจฉริยะ Smart Home Gateway และ Security Module ภายในบ้านผ่านการเชื่อมต่อกับ ระบบควบคุมไฟแสงสว่าง (Lighting Control) ที่ทำงานควบคู่กับระบบตรวจจับความเคลื่อนไหว (Motion Sensor) ดูแลสนามหญ้าอย่างมือโปร หรือการควบคุมเครื่องปรับอากาศไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกบ้าน เป็นต้น
และCommunity– นวัตกรรมที่ดูแลคอมมูนิตี้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน Katsan Platformผู้ช่วยคุ้มกันอัจฉริยะ อีกขั้นแห่งความอุ่นใจในการอยู่อาศัยภายในสังคมคุณภาพ ซึ่งจะทำหน้าที่คัดสรรบุคคล ที่จะเข้ามาภายในโครงการ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการอยู่อาศัย เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ ที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้น