หัวเทียนรถยนต์เตรียมสูญพันธุ์
หัวเทียนรถยนต์เตรียมสูญพันธุ์
อุตสาหกรรมรถยนต์กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังมา ยุค 150 ปีของเครื่องยนต์สันดาปภายในใกล้หมดอนาคต รถยนต์ในวันข้างหน้าไม่ต้องใช้หัวเทียนอีกต่อไป ดังนั้นบริษัท เอ็นจีเค สปาร์คปลั๊กส์ สำนักงานที่เมืองนาโกยา ประเทศญี่ปุ่นผู้ผลิตหัวเทียนที่ใหญ่ที่สุดในโลกต้องเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เอ็นจีเคฯ ได้ตั้งทีมงานขึ้นมาใหม่และให้ทำวิจัยและพัฒนาการผลิต แบตเตอรี่แบบแข็งรุ่นใหม่ (all solid state battery) แบตเตอรี่ชนิดนี้จะเป็นชิ้นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมรถอีวี ในอนาคตอันใกล้
เอ็นจีเคฯ กระโดดข้ามแบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้ในรถอีวีในปัจจุบันไปสู่แบตเตอรี่แบบแข็ง เนื่องจากบริษัทรถยนต์ใหญ่ ๆ ของโลกเตรียมที่จะผลิตรถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่แบบแข็ง เพราะมีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงกว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
นาย Takio Kojima ผู้จัดการอาวุโสทั่วไปฝ่ายวิศวกรรมและวิจัยและพัฒนาของบริษัท เอ็นจีเคฯ ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่า ‘เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าอุตสาหกรรมที่เราอยู่จะต้องเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ยุคของอีวี ซึ่งจะทำให้สินค้าหลักของเราคือหัวเทียนและออกซิเจนเซ็นเซอร์กลายเป็นสินค้าล้าสมัย’
รอยเตอร์รายงานว่า แบตเตอรี่แบบแข็งที่ เอ็นจีเคฯ พัฒนาขึ้นมาเองแตกต่างจากผู้ผลิตรายอื่น เป็นแบตเตอรี่ที่ ใช้สารออกไซด์และเซรามิกส์ซึ่งเอ็นจีเคฯ มีความถนัดในฐานะผู้ผลิตหัวเทียนอันดับหนึ่งของโลก
เอ็นจีเคฯ ไม่ได้พัฒนาแบตเตอรี่แบบใหม่เพียงลำพัง แต่ได้ร่วมกับบริษัทโตโยต้าและอีกหลายบริษัทในการวิจัยพัฒนาแบตเตอรี่แบบใหม่สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนทั่วโลกรู้ดีว่าหัวใจในการเอาชนะในการแข่งขันผลิตและขายรถอีวีคือ แบตเตอรี่ที่มีน้ำหนักเบากว่า ปลอดภัยกว่า วิ่งได้ไกลกว่า และชาร์จไฟได้เร็วกว่าแบตเตอรี่ที่ใช้ในปัจจุบัน
ถ้าแบตเตอรี่ของเอ็นจีเคฯ เหนือกว่าของบริษัทฝรั่งแล้ว นอกจากเอ็นจีเคฯ จะครองอันดับหนึ่งของโลกในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นใดชิ้นหนึ่งแล้วยังจะทำให้รถยนต์ญี่ปุ่นเอาชนะรถยนต์จากค่ายตะวันตกได้อีกด้วย
บริษัทโตโยต้าเองตัดสินใจพัฒนาแบตเตอรี่อีเล็คทรอไลต์แบบแข็งที่ใช้ซัลไฟด์ของตัวเองและยังได้ร่วมกับบริษัทเด็นโซ่ และ มาสด้ามอเตอร์เพื่อผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถอีวี
ความเคลื่อนไหวของโตโยต้า ทำให้บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในเครือข่าย ต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ อาทิบริษัทไอชิน เซกิ (Aisin Seiki) เร่งพัฒนาระบบขับเคลื่อนรถยนต์ใหม่สำหรับรถอีวี เรียกได้ว่าซัพพลายเออร์ทั้งองคาพยพของโตโยต้าต้องรีบเคลื่อนไหวหลังจากที่รถยนต์นิสสันล่วงหน้าไปหนึ่งก้าวแล้ว
สมรภูมิชิ้นส่วนรถยนต์อีวี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบตเตอรี่ กำลังดุเดือดและผู้เชี่ยวชาญทำนายว่าอีกแค่ 3 ปีคือในปีค.ศ. 2020 (2563) ก็จะรู้ว่าแบตเตอรี่ของค่ายไหนจะเป็นผู้ชนะและการผลิตรถอีวี ก็จะเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่บัดนั้น
ประเทศไทยในฐานะดีทรอยท์แห่งเอเชียอาคเนย์ คงจะรอช้าไม่ได้ ต้องกระโดดเข้าสู่สมรภูมิการแข่งขันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่และชิ้นส่วนรถยนต์อีวีทันที
อย่ามัวแต่ประชาสัมพันธ์สร้างภาพกันเลยท่านนายพลที่เคารพ
นาย Hideaki Hikosaka สมาชิก หนึ่งในทีมวิจัยและพัฒนาแบบเตอรี่แบบแข็งของเอ็นจีเคฯ โชว์แบตเตอรี่ต้นแบบที่พัฒนาขึ้นที่เมืองนาโกยา ภาพของ รอยเตอร์ Naomi Tajitsu จาก Automotive news
ภาพจาก Autoblog.com
ภาพผลิตภัณฑ์หัวเทียนของเอ็นจีเคฯ
Reuters
ภาพกราฟฟิกเปรียบเทียบการทำงานของแบบเตอรี่แบบลิเธียมไอออน ภาพจากรอยเตอร์