โลกตึงเครียด ‘ขายอาวุธเริงร่า’

917

 

วิชัย สุวรรณบรรณ

 

โลกตึงเครียด ‘ขายอาวุธเริงร่า’

ผมสงสัยอยู่ว่าทำไมพญาอินทรีย์อย่าง ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ถึงไปทะเลาะกับเด็กคราวลูกอย่าง ‘คิม จอง อึน’ ผู้นำโสมแดง หรือไปหาเรื่องกับอิหร่าน และล่าสุดยังไปจุดไฟเผาตะวันออกกลางอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ด้วยการประกาศรับรอง กรุงเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของประเทศอิสราเอล

คิม จอง อึน
นายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ภาพจาก India Today

ผมคิดว่าสิ่งที่ผู้นำสหรัฐอเมริกาอดีตมหาเศรษฐีนักธุรกิจพันล้านทำ ล้วนนำไปสู่เรื่องเดียว คือความตึงเครียดทางการเมืองในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก

 

72990

ความตึงเครียดทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั้งเล็กและใหญ่ต้องเร่งเดินหน้าซื้ออาวุธเพิ่มขึ้นและผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคืออุตสาหกรรมอาวุธของสหรัฐอเมริกา สอดคล้องกับนโยบาย สร้างงานให้กับคนอเมริกันให้ได้มากที่สุดของประธานาธิบดี ทรัมป์

 

สถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮล์ม (Sipri-Stockholm International Peace Research Institute) เผยตัวเลขเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าการค้าอาวุธที่มีการส่งมอบกันระหว่างปีพ.ศ. 2555-9 เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 20 ปีที่ผ่านมา

 

ประเทศที่ซื้ออาวุธมากที่สุดในช่วงเวลา 5 ปีคือประเทศอินเดียส่วนใหญ่ซื้อจากรัสเซีย ส่วนอันดับ 2 คือซาอุดีอารเบีย จากการเข้าแทรกแซงสงครามในประเทศเยเมน ซาอุฯซื้ออาวุธเพิ่มขึ้นถึง 212 % ส่วนใหญ่จากประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ

 

สิ่งที่น่าสนใจคือยอดการค้าอาวุธทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดนับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือประเทศที่มีแนวโน้มซื้ออาวุธมากขึ้นคือประเทศในเอเชียและตะวันออกกลาง โดยมีผู้ค้า 2 รายใหญ่ที่แย่งชิงตลาดกันอยู่คือสหรัฐอเมริกาและ รัสเซียและมีผู้ขายรายใหม่คือจีนโดยในช่วงที่นายโอบามาเป็นประธานาธิบดี ยอดขายอาวุธของรัสเซียเพิ่มมากกว่าของอเมริกาอย่างมาก

การขายอาวุธ
ตารางการขายอาวุธแยกเป็นประเทศในปีพ.ศ. 2557 โดย DW ข้อมูลจาก SIPRI

 

ขณะนี้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลกและมีแนวโน้มซื้อมากขึ้นโดยสถาบัน บริษัทวิจัย IHS ประเมินว่างบประมาณการป้องกันประเทศของประเทศในแถบเอเชีย-แปซิฟิกจะเพิ่มจาก 435,000 ล้านดอลลาร์ในปีพ.ศ. 2558 เป็น 533,000 ล้านดอลลาร์ในปีพ.ศ. 2563 ซึ่งเท่ากับ 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายทางทหารทั่วทั้งโลกในช่วง 5 ปีข้างหน้า

 

ประเทศในเอเชียที่ซื้ออาวุธติดอันดับต้น ๆ ในช่วง 5 ปีก่อนนอกเหนือจากอินเดีย คือเวียดนาม เกาหลีใต้ ออสเตรเลียและปากีสถาน ส่วนจีนและญี่ปุ่นเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ซื้อ โดย Sipri ระบุว่าตัวเลขค้าอาวุธของจีน ค่อนข้างเป็นความลับ แต่เชื่อว่าบริษัทใหญ่ ๆ ของจีนติดอันดับ 1 ใน 20 บริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านอาวุธ

 

ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา และ ประธานาธิบดีปูติน ดูจะเป็นมิตรกันเป็นพิเศษนี้ ผู้สันทัดกรณีการเมืองระดับโลก บอกให้สงสัยไว้ก่อนว่า พญาอินทรีย์ กับ หมีขาว กำลังเล่นละคร เพื่อขายอาวุธกันหรือเปล่า

นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ภาพ จาก Time.com

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นทั้งเรื่องเกาหลีเหนือ ทะเลจีนใต้และตะวันออกกลาง คงไม่ยุติลงง่าย ๆ

 

Leave A Reply

Your email address will not be published.