พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มองตลาดคอนโดฯ ปี 61 แรงต่อเนื่อง

1,180
พลัส พร็อพเพอร์ตี้  คาดการณ์ตลาดคอนโดฯ ปี 2561 โตต่อเนื่อง  หลังพบหลายโซนคาดการณ์ว่าจะปิดการขายได้เร็วกว่าค่าเฉลี่ย และยังมีดีมานด์ตอบรับสูง โดยเฉพาะโซนกรุงเทพฯ ชั้นใน  มีแนวโน้มปิดการขายได้ใน 3-4.5 เดือน  
 
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด   เปิดเผยว่า  สถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีแรก 2561 นี้ คาดว่าตลาดจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ส่งผลให้เกิดการลงทุนในฝั่งผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติ อีกทั้งในอนาคตยังมีการปรับผังเมืองในกรุงเทพฯ ที่ทำให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้เกิดอุปทานใหม่ในตลาด จึงเป็นสัญญาณที่ดีของภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยในอนาคตคาดว่าจะเกิดโครงการคอนโดมิเนียมในรูปแบบใหม่ เช่น โครงการมิกซ์ยูส ,คอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้กับโครงการอีกด้วย
โดยตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบันยังเติบโตอย่างน่าสนใจ  แม้จะมีบางทำเลที่มีผู้ประกอบการเข้าไปแข่งขันกันค่อนข้างมาก  จนทำให้การดูดซับเริ่มทรงตัว แต่ในปี 2560 ที่ผ่านมาพบว่า จากอุปทานเสนอขายห้องชุด จำนวน 121,291 ยูนิต อุปสงค์ให้การตอบรับแล้ว 68,228 ยูนิต ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้น 13% หรือเพิ่มขึ้น9,228 ยูนิต จากปีก่อน ซึ่งยอดขายได้ในรอบนี้ปรับตัวดีขึ้นเกือบทุกช่วงราคา มาจากทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น และหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มลดลง  สำหรับสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมช่วงครึ่งปีหลัง 2560 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน โซนเพลินจิต-ชิดลม-สีลม-สาทรสุขุมวิท มีจำนวนทั้งสิ้น 11,148 ยูนิต มีอัตราการดูดซับ 45% ยังมีการตอบรับสูง โดยโครงการที่มีอุปสงค์อยู่ในระดับสูงจะเป็นโครงการในช่วงระดับราคากลางบน ราคาขายเฉลี่ย 130,000 – 160,000บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีแนวโน้มอัตราการดูดซับดี โดยในทำเลสุขุมวิทพบว่า โครงการระดับราคา 160,000 400,000 บาทต่อตารางเมตร ประเมินว่าจะสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลาเพียง 34.เดือน เร็วกว่าค่าเฉลี่ยที่5.5เดือน เนื่องจากในทำเลดังกล่าวเหลือพื้นที่พัฒนาโครงการไม่มาก แต่ยังมีความต้องการซื้อสูง โครงการในระดับราคาดังกล่าวที่เข้าสู่ตลาดจึงได้รับการตอบรับที่ดี
72990
 
สำหรับพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลาง โซนพหลโยธิน-พญาไท-พระราม 3-รัชดา มีจำนวนทั้งสิ้น 17,878 ยูนิต มีอัตราการดูดซับ 47% พบอุปสงค์ส่วนใหญ่เป็นโครงการในระดับกลาง ราคา 70,000 – 160,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งคอนโดมิเนียมในโซนกรุงเทพฯ ชั้นกลาง ประเมินว่าจะใช้เวลาเฉลี่ยปิดการขายภายในระยะเวลาประมาณ เดือน โดยทำเลพหลโยธินพบว่าคอนโดมิเนียมที่มีอุปสงค์สูงจะเป็นโครงการในช่วงระดับราคา 130,000 – 200,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนคอนโดมิเนียมย่านรัชดาภิเษกโครงการที่มีอุปสงค์สูงจะอยู่ในช่วงราคา 100,000 – 160,000 บาทต่อตารางเมตร แต่โครงการระดับกลางบน ในราคา 130,000 – 160,000 บาทต่อตารางเมตร พบว่าเป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่บริเวณตามแนวรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล ที่จะมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเติมตัดเชื่อมผ่านสถานีศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมโยงการเดินทางระหว่างฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร และยังอยู่ในทำเลศักยภาพที่มีทั้งศูนย์การค้า อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ และในอนาคตจะมีอาคารสูงที่คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของประเทศ จึงมีความต้องการซื้อทั้งเพื่ออยู่เองและเพื่อการลงทุน โครงการในระดับราคาดังกล่าวจึงมีดีมานด์ตอบรับดี จากการประเมินจะสามารถขายหมดได้เร็วกว่าค่าเฉลี่ย คือสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลาเพียง เดือนเท่านั้น
 
ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอก ธนบุรี-สุขุมวิทรอบนอก-บางซื่อ-มีนบุรี-นนทบุรี-พระราม2-รามคำแหง-สุวรรณภูมิ มีจำนวนทั้งสิ้น 18,062 ยูนิต มีอัตราการดูดซับ 43% โดยโซนสุขุมวิทรอบนอก พบว่ามีอุปสงค์ตอบรับในโครงการระดับกลาง คือระดับราคา 50,000 – 100,000 บาทต่อตารางเมตร แต่หากดูจากข้อมูลประเมินจำนวนเดือนที่ควรจะขายหมด พบว่า คอนโดมิเนียมในโครงการระดับกลางบนราคา 130,000 – 200,000 บาทต่อตารางเมตร เป็นที่น่าจับตามอง เนื่องจากทำเลสุขุมวิทรอบนอกกินพื้นที่ค่อนข้างกว้างและศักยภาพแต่ละโซนแตกต่างกัน จึงมีโครงการที่ครอบคลุมหลายระดับราคา  โดยโครงการที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายยังมีจำนวนไม่มากและค่อนข้างกระจุกตัว จึงสามารถทำราคาได้สูงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาด ซึ่งมีดีมานด์ตอบรับสูงเช่นกัน ทำให้มีแนวโน้มปิดการขายหมดได้เร็วกว่าอัตราประเมิน คือน่าจะสามารถขายหมดภายใน – เดือน จากอัตราเฉลี่ย เดือน
 
นายอนุกูล  กล่าวอีกว่า ยอดขายคอนโดมิเนียมของพลัสฯ ในปี 2560 ที่ผ่านมา มีมูลค่ายอดขายรวม 21,250 ล้านบาท เติบโต 7%จากปี 2559 ที่ 19,890 บาท ส่วนใหญ่มาจากคอนโดมิเนียมระดับกลาง-บน (ราคา 3-7 ล้านบาทมีอุปสงค์ตอบรับที่ดี โดยโครงการที่เป็นห้องรูปแบบ 1 ห้องนอนมีสัดส่วนขายได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 69% ในปี 2558 เป็น 87% ในปี 2560 ซึ่งทำเลที่ขายได้ดีคือโซนสุขุมวิทตอนต้นตอนกลาง (เพลินจิตเอกมัย) สุขุมวิทตอนปลาย (พระโขนงบางนา) พหลโยธิน และรัชดาภิเษก ตามลำดับ  

Leave A Reply

Your email address will not be published.