ธอส.เร่งคลอด สินเชื่อ “Two-GEN” เปิดทางบุตรกู้ร่วม สินเชื่อซื้อบ้านผ่อนถูก-ระยะยาว 70  ปี

ธอส. เร่งทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ Two-GEN หรือผลิตภัณฑ์ เปิดโอกาส เลือกผ่อนชำระได้ 2generation หรือยาวนานสูงสุดถึง 70 ปีพุ่งเป้าหมาย ช่วยลูกค้ามีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น เลือกระยะเวลาการผ่อน ได้นาน ชี้พิจารณาวงเงินให้กู้จากรายได้ของบิดา-มารดา เดิมผ่อนชำระ สูงสุดไม่เกิน 40 ปี ขยายเป็น 70 ปี นำอายุของบุตรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมาเป็นผู้กู้ร่วมได้ เตรียมเสนอคณะกรรมการธนาคา-กระทรวงการคลัง และแบงก์ชาติพิจารณา พร้อมประกาศขยายระยะเวลาช่วยลูกค้าที่กระทบโควิด-19 ถึง 31 มกราคม 2564 ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือได้

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่าถึงกรณีแนวคิดที่ ธอส. จะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อ Two-GEN หรือผลิตภัณฑ์ที่เปิดโอกาสให้เลือกผ่อนชำระได้ 2generation เวลาผ่อนระยะยาวนานสูงสุดถึง 70 ปี ว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากคณะกรรมการธนาคารได้มีนโยบายให้ ธอส. คิดรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มีเป้าหมายหลักคือการช่วยเหลือให้ลูกค้าประชาชนสามารถมีบ้านเป็นของตนเองได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนชำระได้นานขึ้นถือเป็นแนวทางหนึ่งที่จะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ โดยพิจารณาวงเงินให้กู้จากรายได้ของบิดา-มารดา ส่วนระยะเวลาการผ่อนชำระสามารถเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่สูงสุดไม่เกิน 40 ปี ขยายเป็น 70 ปี ด้วยการนำอายุของบุตรที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมาเป็นผู้กู้ร่วม

อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ จะทำให้จำนวนเงินงวดที่ลูกค้าผ่อนชำระรายเดือนลดลง จึงทำให้กรณีที่มีรายได้สุทธิจำนวนเท่าเดิม แต่เมื่อผ่อนชำระได้นานขึ้น ก็จะมีโอกาสได้รับวงเงินสินเชื่อมากขึ้น เช่น  กรณีวงเงินกู้ 1ล้านบาท หากผ่อนชำระ 40ปี เงินงวดผ่อนชำระต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ5,000บาท/เดือน แต่ถ้าหากลูกค้าสามารถผ่อนได้นานขึ้นสูงสุดถึง70ปี จำนวนเงินผ่อนชำระต่องวดจะอยู่เพียง 2,500-3,000บาท/เดือนเท่านั้น ซึ่งในอนาคตเมื่อลูกค้าได้มีบ้านเป็นของตนเอง และครอบครัวแล้ว และหากมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น หรือบุตรที่เป็นผู้กู้ร่วม สามารถทำงานได้ มีรายได้เข้ามาเพิ่มก็สามารถผ่อนชำระสูงกว่าเงินงวดที่กำหนดได้ ซึ่งจะทำให้สามารถผ่อนชำระได้หมดก่อน 70ปีได้อย่างแน่นอ

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ธอส. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการธนาคาร รวมถึงกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทยพิจารณาความเหมาะสม พร้อมยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้าประชาชนมีบ้านเป็นของตนเองได้มากขึ้นเท่านั้น โดยลูกค้าที่มีศักยภาพทางรายได้ ยังคงสามารถเลือกจำนวนปีที่ต้องการผ่อนชำระ อาทิ 15 ปี 20 ปี 30 ปี หรือ 40 ปี เพื่อให้สอดคล้องกับรายได้สุทธิของผู้กู้ หรือราคาที่อยู่อาศัย และวงเงินกู้ที่ต้องการได้ตามปกติต่อไป

นอกจากนี้ นายฉัตรชัย ศิริไล กล่าวถึง ความคืบหน้าในการบรรเทาผลกระทบให้แก่ลูกค้าของธนาคารจากปัญหาโควิด-19ว่า หลังจากที่ ธอส. ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ลูกค้าครอบคลุมทั้งการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย, พักชำระเงินต้น หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย ผ่าน 10มาตรการของธนาคาร โดยมีลูกค้าเข้ามาตรการเป็นจำนวนทั้งสิ้น 511,110บัญชี วงเงินสินเชื่อ 430,439ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้ากลุ่มที่เข้ามาตรการที่5พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 4เดือน จำนวน 236,531บัญชี วงเงินสินเชื่อ 179,843ล้านบาท ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ได้ทยอยครบกำหนดระยะเวลาการใช้มาตรการที่ 5แล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และสิงหาคม 2563โดยสามารถกลับมาผ่อนชำระได้ตามปกติจำนวน 91,796บัญชี เงินต้นประมาณ 65,000ล้านบาท

ขณะที่ลูกค้าในมาตรการที่ 5 ที่ยังคงได้รับผลกระทบธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในระยะที่ 2 ผ่านมาตรการที่ 8.5 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยถึง 31 ตุลาคม 2563 โดยล่าสุด ณ วันที่ 22 กันยายน 2563 มีลูกค้าอยู่ในมาตรการที่ 8.5 จำนวน 39,546 บัญชี วงเงินสินเชื่อประมาณ 27,000 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่เคยเข้ามาตรการที่ 5 แล้วไม่สามารถกลับมาชำระได้ตามปกติและกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวนประมาณ 9,000 ล้านบาทหรือคิดเป็น 8.5% ของลูกค้าที่เข้ามาตรการ 5 ทั้งหมด ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าอาจจะมี NPLอยู่ที่ประมาณ 25% ของลูกค้าที่เข้ามาตรการ 5

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารอยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คือ กลุ่มที่เข้ามาตรการที่ 8 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน จำนวน 233,931 ราย วงเงินสินเชื่อ 209,863 ล้านบาท และมาตรการที่ 8.5 เนื่องจากเป็นมาตรการที่พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่มีความเปราะบางด้านรายได้ ธนาคารอยู่ระหว่างติดตามลูกค้าในกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งจะครบกำหนดการใช้มาตรการในเดือนตุลาคม 2563

ทั้งนี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนและสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้างรวมถึงปัญหาด้านรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 จึงได้มีมติขยายระยะเวลาความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ภายใต้ “มาตรการช่วยเหลือลูกค้าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และ “โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ” ระยะที่ 2 เฉพาะลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการได้รับความช่วยเหลือใน 3 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการที่ 1 พักชำระเงินต้น 3 เดือน, มาตรการที่ 3 พักชำระเงินต้น 6 เดือน และมาตรการที่ 8 พักชำระเงินต้น 3 เดือน ซึ่งทั้ง 3 มาตรการจะสิ้นสุดระยะเวลาความช่วยเหลือในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอขยายระยะเวลาความช่วยเหลือด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเพิ่มเติมไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564

ทั้ง 3 มาตรการที่ธนาคารขยายความช่วยเหลือ    ในครั้งนี้ครอบคลุมจำนวนลูกค้าที่มีสิทธิ์ขยายระยะเวลาเป็นวงเงินสินเชื่อจำนวนกว่า 250,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ลูกค้าต้องแจ้งความประสงค์เพื่อขยายระยะเวลาผ่าน Application GHB ALL ได้ระหว่างวันที่ 1-29 ตุลาคม 2563 พร้อมแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันว่ายังมีผลกระทบทางรายได้จริงให้ธนาคารพิจารณา อาทิ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด ภาพถ่าย และ Statement เป็นต้น

ข่าวอสังหาริมทรัพย์ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ธอส.เกาะติดชีวิตคนเมือง
Comments (0)
Add Comment