“อนันดา” ผู้นำคอนโดฯติดรถไฟฟ้าหืดจับ
Q2ดันรายได้เพิ่มจากปี62เฉียดฉิวที่ 35.7ล้าน
เหตุขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย 356.5ล้าน
เปิดผลประกอบการ “อนันดา ดีเวลลอปเมนท์” ไตรมาสแรกปี 63 มีรายได้ 1,857.9 ล้านบาทโตแค่ 2% เทียบ ช่วงเวลาเดียวกันของปี 62 หรือคิดเป็น 35.7 ล้านบาท ชี้รายได้เพิ่มมาจากตัวเลข บันทึกกําไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย2 บริษัท คือ บจ. พีระเซอร์กิตวัน และบจ. พีระคาร์ท มูลค่า 356.5 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จํานวน 600.5 ล้านบาทลดลง 174.0 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ด้านกําไรสุทธิจํานวนที่ 150.2 ล้านบาทลดลง 82.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 35.3 เป็นผลมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า
นายชานนท์ เรืองกฤตย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดําเนินงานสําหรับไตรมาส 1/2563 บริษัทและบริษัทย่อย กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทมีรายได้รวมในไตรมาส 1/2563 มีจํานวน 1,857.9 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเป็นจํานวน 35.7 ล้านบาทหรือร้อยละ 2.0 โดยมีสาเหตุหลักมาจากในไตรมาส 1/2563 มีการบันทึกกําไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัทย่อยได้แก่บริษัท พีระเซอร์กิตวันจํากัด และบริษัทพีระคาร์ทจํ ากัด จํานวน 356.5 ล้านบาทสอดคล้องกับเป้าหมายในการลดสัดส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (Non-core business) และเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจหลักของบริษัทขณะที่รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์จํานวน 600.5 ล้านบาทลดลง 174.0 ล้านบาทจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้บริษัทและบริษัทย่อยมีกําไรสุทธิจํานวน 150.2 ล้านบาทลดลงเป็นจํานวน 82.1 ล้านบาทหรือร้อยละ 35.3 จากปีก่อนโดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าซึ่งยอดโอนของโครงการร่วมทุนที่โอนต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/2562 เช่นโครงการแอชตันจุฬา-สีลมโครงการไอดีโอสุขุมวิท 93 โครงการไอดีโอโมบิอโศกและโครงการไอดีโอพหลโยธิน-จตุจักรขณะที่ไตรมาส 1/2563 อยู่ในช่วงท้ายของการโอนโครงการร่วมทุนดังกล่าวและโครงการไอดีโอสุขุมวิท 93 ที่โอนครบทั้งโครงการในช่วงปลายปีก่อน
ด้านส่วนแบ่งกําไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าส่วนแบ่งกําไร (ขาดทุน) จากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าในไตรมาส 1/2563 มีจํานวน 159.5 ล้านบาทลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นจํานวน 211.9 ล้านบาทหรือร้อยละ 57.1 มีสาเหตุหลักจากการลดลงของส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าซึ่งยอดโอนของโครงการร่วมทุนที่โอนต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/2562 เช่นโครงการแอชตันจุฬา-สีลมโครงการไอดีโอสุขุมวิท 93 โครงการไอดีโอโมบิอโศกและโครงการไอดีโอพหลโยธิน-จตุจักรขณะที่ไตรมาส1/2563 อยู่ในช่วงท้ายของการโอนโครงการร่วมทุนดังกล่าวและโครงการไอดีโอสุขุมวิท 93 ที่โอนครบทั้งโครงการในช่วงปลายปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน ต้นทุนขายรวมในไตรมาส 1/2563 มีจํานวน 1,147.4 ล้านบาทเพิ่มขึ้น ช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นจํานวน 14.9 ล้านบาทหรือร้อยละ 1.3 ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาส 1/2563 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นจํานวน 195.3 ล้านบาทหรือร้อยละ 28.0 มาอยู่ที่จํานวน 503.2 ล้านบาทจากการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายในการบริหารที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและสอดคล้องกับเป้าหมายในการควบคุมและลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศตลอดจนการคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีภาวะชะลอตัวลงจากปีก่อน
ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายทางการเงินบริษัทและบริษัทย่อย มีค่าใช้จ่ายทางการเงินเป็นจํานวน 173.7 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าเป็นจํานวน 68.7 ล้านบาท โดยมีผลจากในปีก่อนมีการออกหุ้นกู้สุทธิ 6,300 ล้านบาทเพื่อเตรียมความพร้อมในการชําระคืนหุ้นกู้ที่ครบกําหนดในปี 2563 ณวันที่ 31 มีนาคม 2563 บริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสุทธิ (Net Interest Bearing Debt to Equity Ratio) เท่ากับ 1.1 เท่าใกล้เคียงกับที่บริษัทมีเป้าหมายระยะยาวในการคงอัตราส่วนทางการเงินดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 1 เท่า