“ฮาบิแทท กรุ๊ป” เปิดแผนธุรกิจปี 2562 เปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯและพัทยาเพิ่มขึ้นเท่าตัว รวมมูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท ยังมั่นใจตลาดคอนโดมิเนียมโลไรส์ระดับบน ยังขายได้ในทำเลศักยภาพโซนซีบีดีกรุงเทพฯ และพัทยา ความต้องการยังเติบโตดี พร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจ เพิ่มพอร์ตรายได้ประจำ เปิดโรงแรมใหม่ 2 แห่ง รุกขยายฐานลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น เปิดตลาดใหม่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ อินเดีย และตะวันออกกลาง
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด แม้ปัจจัยภายนอก ทั้งความผันผวนจากเศรษฐกิจโลก ทั้งในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ราคาพลังงาน และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน ตลอดจนความไม่แน่นอนทางการเมือง การปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้หลายบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับลดเป้าหมาย และมีการระมัดระวังในการลงทุนซื้อที่ดินมากขึ้น แต่ ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังคงมีความมั่นใจกำลังซื้อของลูกค้าของบริษัทฯ ในกลุ่มระดับบนว่ายังคงดีอยู่
ดังนั้นในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าเป็นปีแห่งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแผนการขยายการพัฒนาโครงการที่มากขึ้น โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งยังคงเน้นการลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์บนทำเลศักยภาพตามกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ คือ กรุงเทพฯ โซนธุรกิจ (CBD) ตามแนวรถไฟฟ้า ได้แก่ ทองหล่อ, พร้อมพงษ์ และอโศก อีกทั้งทำเลในเมืองพัทยา โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 3,000 ล้านบาท เติบโต 50% จากยอดขายใน 2561 อยู่ที่ 2,000 ล้านบาท
การเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ แบ่งออกเป็น กรุงเทพฯ จำนวน 3 โครงการ ภายใต้ “แบรนด์วาลเด้น” ที่มี
คอนเซ็ปต์เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรส์บนทำเลซีบีดีทั้งหมด มูลค่ารวมประมาณ 3,500 ล้านบาท และพัทยาอีก 2 โครงการ ซึ่งจะเป็นโครงการในแบบ Lifestyle Investment โดยยังคงคอนเซ็ปต์ดึงแบรนด์โรงแรมชั้นนำของโลกเข้ามาบริหาร มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,500 ล้านบาท ซึ่งโครงการแรกอยู่ในโซนพัทยาเหนือ คาดว่าจะเปิดตัวพร้อมขายได้อย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกปี 2562 ส่วนอีกโครงการเป็นคอนโดมิเนียมโซนหาดนาจอมเทียน บนพื้นที่บีชฟร้อนท์ 8 ไร่ อยู่ระหว่างการออกแบบ และคาดว่าจะเปิดตัวได้กลางปี 2562 โดยสำหรับตลาดพัทยาจะมีการทำโครงการที่ใหญ่ขึ้น และมีจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับดีมานต์ที่มีอย่างต่อเนื่อง และในปีที่ผ่านมาฮาบิแทททำการปิดการขายโครงการในพัทยาได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ มองว่าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนยังคงเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นสินค้าที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และกลุ่มนักลงทุนทั้งที่เป็นคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะทำเลศักยภาพในการพัฒนาค่อนข้างจำกัดแต่เป็นที่ต้องการสูง ตรงกับกลยุทธ์ของบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพอยู่แล้ว เช่นในกรุงเทพฯ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ทำให้สามารถทำราคาขายที่จับต้องได้และเป็นที่ต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย รวมทั้งเมืองพัทยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการขยายตัวได้ดีจากทิศทางการท่องเที่ยว และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC
“จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ฮาบิแทท กรุ๊ป สามารถเดินหน้าตามแผนสร้างการเติบโต ด้วยการขยายการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และมองทิศทางอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้เติบโตเป็นบวกได้ โดยแรงหนุนจากการโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการลงทุนภาคเอกชนด้านต่างๆ ยังคงเพิ่มขึ้นจากการส่งเสริมการลงทุนโดยเฉพาะในพื้นที่ EEC อย่างไรก็ดี สินค้าของบริษัทต้องสามารถแข่งขันได้ด้วย คือต้องมีความโดดเด่นด้านดีไซน์ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด” นายชนินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทยังมีเป้าหมายขยายพอร์ตรายได้ประจำ (recurring income) ของบริษัทให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 10% และตั้งเป้าภายใน 3 ปี สัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มเป็น 30 % เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านรายได้และสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ โดยปัจจุบันมีโรงแรมเปิดบริการแล้ว 2 แห่ง ที่พัทยา คือ The Ville Jomtien (เดอะ วิลล์ จอมเทียน) และ X2 Vibe Pattaya Sephere (ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์) โดยมี ฮาบิแทท ฮอสพิทอลลิตี้ (Habitat Hospitality) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเป็นผู้บริหารจัดการในด้านนี้ ซึ่งในปีนี้ จะเปิดตัวโรงแรมในพัทยาเพิ่มเติมขึ้นอีกจำนวน 2 แห่ง คือ X2 Pattaya Oceanphere (ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์) จะเปิดให้บริการในไตรมาส 2 และ Best Western Premier Bayphere Pattaya (เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา) ซึ่งจะเปิดให้บริการในไตรมาส 3 ของปีนี้