“เน็กซัส” กับ ‘New Normal’ ที่จับต้องได้
ลุก–ลุยจัด “รวมพล” ซีรีย์ เมื่อการรอคอยให้ทุกอย่างดีขึ้นไม่ใช่คำตอบ
เมื่ออุปสรรคเป็นจุดหยุดชะงักด้านความรู้สึก การปรับตัวที่แท้จริงจึงถูกผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ธุรกิจมีทางออกและไปต่อได้ สำหรับในวงการอสังหาริมทรัพย์ เราจะเห็นดีเวลลอปเปอร์หลายรายลุกขึ้นมาจัดกิจกรรมทางการตลาดออนไลน์ ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือยอดขายที่ไม่สามารถหยุดนิ่งได้ เพราะเวลาที่เดินไปในแต่ละวัน มาพร้อมเม็ดเงิน ที่เดินไปด้วยในทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนสินค้า ค่าการจัดการ ค่าเงินเดือนพนักงาน ดอกเบี้ยที่กำลังเดินหน้า ซึ่งข้อได้เปรียบของดีเวลลอปเปอร์ คือ มีสินค้าให้ขาย มีพนักงานขาย มีประมาณการเม็ดเงินที่จะนำมาลงใช้ได้ เพราะรู้ว่าต้นทุนทางการตลาดนั้นเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ต่อมูลค่าโครงการ การปรับวิธีการทำการตลาด การเรียกลูกค้า เป็นหนึ่งในการเพิ่มยอดขายเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป แต่เมื่อหันมามองอีกหนึ่งธุรกิจในวงจรอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ คือ ธุรกิจ Property Consultancy ซึ่งประกอบธุรกิจด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านงานการตลาด และงานขาย ให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายกลาง และรายใหญ่ อย่าง บริษัท เน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
“เน็กซัส เราไม่ปล่อยให้เวลาเดินไปแบบสูญเปล่า เพราะเชื่อว่าโอกาสมีอยู่ในทุกสถานการณ์การตลาด เพียงแต่ใครจะมองเห็นและคว้าไว้ได้เร็วและทันแค่ไหน เราจึงลุกขึ้นมาทำแคมเปญการขาย ในช่วงเวลาที่ท้าทายในช่วงโควิด-19” เพราะในขณะที่ผู้ประกอบการต้องประหยัดเงิน แต่เรายังต้องไปต่อ จึงช่วยกันระดมความคิดคนในองค์กร จนเกิดเป็นแคมเปญ “รวมพลคอนโด หั่นราคาต่ำกว่าทุน” ซึ่งแม้ไม่รู้ว่าจะมีการตอบรับที่ดีแค่ไหน และการลงทุนครั้งนี้จะได้อะไรกลับมา แต่สิ่งที่รู้คือเราต้อง “ลองเรียนรู้ไปด้วยกัน”
“เน็กซัสจัดแคมเปญต่าง ๆ เหล่านี้ออกมาหลายแคมเปญตลอดช่วงระยะเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมือง ณ ปัจจุบัน ประกอบกับมาตรการรัฐที่ยังอยู่ในช่วง Lock Down เพื่อช่วยเรื่องการติดเชื้อ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อธุรกิจที่สะดุดในทุกภาคส่วน ดังนั้น เรามีหน้าที่ คิดและปรับเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินต่อไป อาทิ ปรับมาทำการตลาดการขายแบบ Online กับ แคมเปญ “รวมพลคอนโด หั่นราคาต่ำกว่าทุน” ซึ่งหากพูดถึงแคมเปญนี้ เรามีเวลาทำงานจริง ๆ แค่ 2 สัปดาห์ กับความทุ่มเทและพลังงานทั้งหมดของทีมงาน ที่ใส่ใจทำอย่างเต็มกำลัง สิ่งที่ทุกคนมักถามคือ ยอดขายทำได้เท่าไร เราตอบได้เลยว่าในฐานะเอเจ้นท์ เรื่องยอดขายภายใน 2 สัปดาห์ ภายใต้เงื่อนไขคือ ไม่มีงบประมาณ เพราะทางดีเวลลอปเปอร์ไม่สามารถจัดสรรงบการตลาดให้ได้ ทำให้รายได้ที่เน็กซัสจะได้ จากแคมเปญนี้ มาจากความพยายามในการปิดการขายให้ได้เท่านั้น ซึ่งยอดขายในแคมเปญนี้ เราทำได้ประมาณ 50 ล้านบาท แต่สิ่งที่มีมูลค่าอีกด้านหนึ่งที่เมื่อถูกตีออกมาเป็นราคา คาดว่าน่าจะเกินกว่า 100 ล้านบาท คือ เรื่องของ Brand และ Team Learning Curve การเรียนรู้แบบก้าวกระโดด” นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเน็กซัส พร็อพเพอร์ตี้กล่าวถึงการจัด Online Campaign ที่ผ่านมา
หากถามว่า Brand และ Team Learning Curve ที่ว่านี้ที่ถูกตีมูลค่าออกมากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งเน็กซัส สามารถทำได้ภายใน 2 สัปดาห์คืออะไรนั้น นางนลินรัตน์ กล่าวว่า “การเรียนรู้แบบรวดเร็วและเร่งรัด ที่สำคัญเราต้องมี พาร์ทเนอร์ หากจะถามว่าได้อะไรกลับมาบ้างนอกจากยอดขายนั้น ข้อแรก เราได้เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อสินค้าจากหลาย ๆ แบรนด์ ในราคาพิเศษอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และสามารถสอบถามข้อมูลโครงการต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ครบถ้วนและตรงไปตรงมาได้ในที่เดียว ซึ่งจะประหยัดเวลาในการหาข้อมูลเองไปได้มาก
ข้อที่สอง โลกจากภายนอก Speed up ด้วยพาร์ทเนอร์ เพราะว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างคนเดียวได้ ดังนั้น การมีพาร์ทเนอร์ที่ดี ทำให้เราไปได้เร็วขึ้น พาร์ทเนอร์ในที่นี้ คือ สื่อมวลชน ดิจิทัลเอเจนซี่ ดีเวลลอปเปอร์ ที่พร้อมประสานงานกับเราแบบทันท่วงที อาทิ การได้ Home.co.th มาช่วยในการเผยแพร่การ live สดขายของให้กับแคมเปญนี้ ล้วนทำได้และผ่านไปด้วยดี เพราะการมีพาร์ทเนอร์ที่ดีนั่นเอง
ข้อที่สาม เราได้เรื่อง Brand Awareness หรือ การรับรู้เกี่ยวกับตัวเน็กซัสเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากเปรียบเป็นกราฟ เรียกได้ว่าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีคนรู้จักเน็กซัสเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากสื่อมวลชน มีดีเวลลอปเปอร์ติดต่อเข้ามาเองเกิน 15 ราย อีกทั้งยังได้ฐานลูกค้าในแอพฯ Line Official เพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 2,000 คน Connection เหล่านี้เพิ่มกลับในฝั่ง Soft Side แบบเกินคาด และทำได้ดีภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งจุดนี้ต้องขอบคุณสถานการณ์ที่นำพาให้เราไปได้ถึงจุดหมายได้เร็วแบบ Fast Forward
ข้อสุดท้าย โลกจากภายใน คือ พนักงานในองค์กร การนำพาองค์กรให้ไปด้วยกันแบบน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เพราะไม่ว่าในภาวะวิกฤตใดก็ตาม หากมีความเข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน (Empathy) ที่แท้จริง เราจะนำพาองค์กรไปรอดได้ ในขณะที่พนักงานในองค์กรเหนื่อย แต่ไม่ได้รู้สึกกดดัน กลับมีแต่คำว่าสนุก เพราะความเข้าใจ นำไปสู่การ “ใช้ใจทำ” จะเห็นได้ว่าเรามีชิ้นงานโฆษณาออกมาในช่วง 2 สัปดาห์เกินกว่า 30 ชิ้นงาน ซึ่งพนักงานทำกันเองภายใน พนักงานขายต้องรอสแตนบายพร้อมที่จะวิ่งไปทุกโครงการที่มีลูกค้าติดต่อเข้ามา ซึ่งในแคมเปญแรกมีกว่า 85 โครงการเลยทีเดียว สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากทุกคนไม่ช่วยกัน
แม้ว่าท่ามกลางการทำงานที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบนัก เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องยอมรับว่านอกจากข้อดีก็ยังมีข้อบกพร่องที่พร้อมจะเรียนรู้กันต่อไป เน็กซัสจึงเตรียมจัดงาน “รวมพล” ซีรี่ย์ ขึ้น โดยจะจัดอีก 5 ซีรีย์ ภายใน 2 เดือนนี้ (มิถุนายน–กรกฎาคม) โดยซีรี่ย์ต่อไป คือ “รวมพลคนลาดพร้าว” คอนโดดีสุด ราคาหลุดโลก จะจัดขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน 2563 โดยจะมีคอนโดมิเนียมบนเส้นถนนลาดพร้าวมาให้ลูกค้าได้เลือกดูอย่างจุใจแน่นอน
และนี่คือ อีกตัวอย่างหนึ่งของธุรกิจเอเจนซี่ ที่แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของสินค้าเอง ไม่ได้ผลิตของออกมาขายได้เอง แต่ว่าใช้ Knowhow ที่มี มาพร้อมกับการปรับตัวที่เร็ว มองตัวเองจากภายในเพื่อให้รู้ว่าอะไรคือตัวตนที่แท้จริงของธุรกิจตัวเอง แล้วก็เดินหน้าต่อไป อีกหนึ่งเรื่องดีๆ ที่จับต้องได้ภายใต้ภาวะ “New Normal” ของ “เน็กซัส”