สถานการณ์โควิด-19 นับว่าเป็นวิกฤตที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจทั่วโลกและทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มธุรกิจอาหาร สำหรับเครือเบทาโกร ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงของประเทศ ได้ตระหนักถึงความมั่นคงทางอาหารของประชาชนและประเทศชาติ มุ่งมั่นเดินหน้ายกระดับคุณภาพและความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การผลิตอาหาร เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้บริโภค
อย่างไรก็ดี ในปี2563 ธุรกิจอาหารมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 70% ของยอดขายเครือเบทาโกร และปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโต 10%เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากการขยายกำลังการผลิต เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย และการร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจกับคู่ค้า รวมถึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร โดยแยกตามกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร ดังนี้
กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป (Process Food)
ทั้งนี้ตลาดอาหารพร้อมทานมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี2563 คาดการณ์มูลค่าตลาดรวมที่20,000 ล้านบาท เติบโตจากปี2562 ถึง5% (ที่มา: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, ธันวาคม, 2562) ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีวิถีชีวิตแบบสังคมเมืองที่มีความเร่งรีบ จึงผลักดันให้เบทาโกรมุ่งมั่นในการพัฒนาและผลิตอาหารพร้อมทานที่สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคทั้งด้านความสะดวก อร่อย มีคุณภาพ และปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะปีนี้สถานการณ์โควิด-19ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความตระหนักถึงคุณภาพและความปลอดภัยของอาหารมากยิ่งขึ้น เครือเบทาโกรจึงมุ่งมั่นเดินหน้าขับเคลื่อนอาหารพร้อมทาน ตั้งเป้าเติบโต 40%เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน พร้อมออกผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานแบรนด์เอสเพียวชูจุดเด่นอาหารเพื่อสุขภาพที่ผลิตจากวัตถุดิบและส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่มีการเติมสารปรุงแต่งใด ๆ ผ่านการคิดค้นและพัฒนาสูตรอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพโดยเฉพาะ เช่น โจ๊กไข่ขาว ไข่ลวก เป็นต้น
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน แบรนด์เบทาโกรยังได้เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ภายใต้ 7หมวดสินค้า ได้แก่ 1) อาหารทานเล่นและสินค้าทอด (Appetizer) ประเภทหมู ไก่ 2) ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ปรุงสุก (Processed Egg) 3) ข้าวกล่องพร้อมรับประทาน (Ready Meal) 4) กับข้าวสำเร็จรูป (Cuisine) 5) สินค้าหมักพร้อมปรุง(Marinade) 6) เบเกอรี่ (Bakery)และ 7) ผลิตภัณฑ์ปรุงรส (Seasoning)
กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสด
เครือเบทาโกร ยังคงมุ่งเน้นเรื่องความสด สะอาด ปลอดภัย สำหรับแบรนด์เบทาโกรได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดเนื้อปลาสดได้แก่ ปลาดุก ปลานิล และปลากะพงขาวซึ่งผู้บริโภคสามารถนำไปปรุงอาหารได้สะดวกหลากหลายเมนู มีวางจำหน่ายที่เบทาโกรช็อปทุกสาขาทั่วประเทศ และขยายช่องทางจัดหน่ายไปยังโมเดิร์นเทรด ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ เครือเบทาโกร ยังรุกตลาดระดับพรีเมียม ด้วย 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ไก่โคราชผลิตภัณฑ์เนื้อไก่คุณภาพสูงจากไก่สายพันธุ์ใหม่ที่ผ่านการพัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์จากไก่พ่อพันธุ์พื้นเมืองแท้และแม่พันธุ์ชั้นเลิศ จึงให้รสชาติอร่อยกว่าด้วยเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากเนื้อไก่ทั่วไป มีไขมันน้อยกว่าเนื้อไก่ทั่วไปถึง 62% และอุดมด้วยกรดอะมิโนอิสระ (Free Amino Acid) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบรสชาติและเนื้อสัมผัสของไก่พันธุ์พื้นเมืองที่ให้ทั้งความอร่อยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และเดลิช พอร์ค (Delish Pork)ผลิตภัณฑ์เนื้อหมูระดับพรีเมียมจากหมูพันธุ์ดูร็อคเจอร์ซี่สายพันธุ์แท้จากแคนาดาที่ให้เนื้อแน่น นุ่ม อันเป็นเอกลักษณ์
สำหรับแบรนด์เอสเพียวผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะในทุกขั้นตอนการเลี้ยงตั้งแต่วันแรก หรือ RWA (Raised Without Antibiotics) รับรองโดย NSF เป็นรายแรกของโลก ทางเครือเบทาโกรยังคงมุ่งมั่นในการขยายช่องทางจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงในวงกว้างมากขึ้น
กลุ่มผลิตภัณฑ์ไส้กรอก
เครือเบทาโกรยังเดินหน้ารุกตลาดไส้กรอก ตั้งเป้าเติบโตถึง10% จากการขยายตลาดในทุกช่องทาง ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้แบรนด์เอสเพียว อิโตแฮม และเบทาโกร เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคที่ต้องการอาหารที่สะดวก รวดเร็ว แต่ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพและความอร่อยที่หลากหลาย โดยขยาย แบรนด์เอสเพียวเข้าสู่ตลาดกลุ่มซูเปอร์ พรีเมียม ด้วยผลิตภัณฑ์ไส้กรอกสไตล์โฮมเมด ที่ผลิตจากเนื้อหมูเอสเพียว บรรจุในไส้ธรรมชาติ ไม่ใส่ไนไตรท์ ผงชูรส และสารกันเสีย สำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มีความอร่อยชั้นเลิศมาพร้อมความปลอดภัย เตรียมวางจำหน่าย 4รสชาติ ได้แก่ นูเร็มเบิร์ก ไวส์เวิสท์ (Nürnberg Weisswurst), โชริโซ่ บ็อกเวิร์สท์ (Chorizo Bockwurst), ชีสคาบานอส (CheeseKabanos)และมุนเชินไวส์เวิสท์ (München Weisswurst) ขณะที่แบรนด์อิโตแฮมไส้กรอก พรีเมียมสไตล์ญี่ปุ่น ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบรับความนิยมบริโภคไส้กรอกเนื้อบดหยาบ 2 รายการ ได้แก่ มิกซ์กริลล์ อะระบิกิ (Mixed Grill Arabiki) ไส้กรอกรวมรสชาติ หลากหลายความอร่อยในแพ็คเดียว และไส้กรอกจัมโบ้ สเต็ก อะระบิกิ (Jumbo Steak Arabiki)ไส้กรอกชิ้นใหญ่ เต็มคำกว่าเดิม นอกจากนี้ แบรนด์เบทาโกรออกผลิตภัณฑ์ไส้กรอก เบทาโกร เอ็กซ์ตร้ามีท(Betagro Extra Meat) ทั้งไส้กรอก แฮม และโบโลญ่า สูตรเพิ่มชิ้นเนื้อบดหยาบเพื่อเพิ่มสัมผัสความอร่อยแน่นแบบเต็มคำ หอมกลิ่นรมควัน และเครื่องเทศสไตล์ บาร์บีคิว พร้อมเสิร์ฟแล้ว 4รสชาติ ได้แก่ บาร์บีคิวชังค์ซอสเซจ(BBQ Chunk Sausage), บาร์บีคิวชังค์แฮม(BBQ Chunk Ham),สโม้คชังค์ซอสเซจ(Smoked Chunk Sausage) และสโม้คชังค์โบโลญ่า(Smoked Chunk Bologna) วางจำหน่ายในร้านค้าชั้นนำต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ บิ๊กซี, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต,กรูเมต์ มาร์เก็ต, โฮมเฟรชมาร์ท, แม็กซ์แวลู,ยูเอฟเอ็ม ฟูจิ, วิลล่า มาร์เก็ต, แฟมิลี่มาร์ท,เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส, ลอว์สัน108, ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต, จิฟฟี่,ร้านเบทาโกร ช็อป และร้านเบทาโกร เดลี่
ทั้งนี้ตลาดส่งออกในปี2563เครือเบทาโกรยังคงเดินหน้าส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารสดและปรุงสุก ทั้งแบรนด์เอสเพียว และแบรนด์เบทาโกร ไปยังตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง แคนาดา และเอเชีย ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จีน อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ถึงส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทาน แบรนด์ เบทาโกร ไปยังประเทศฮ่องกงสิงคโปร์ และเดินหน้าเปิดตลาดใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ภายในปีนี้ด้วย
สำหรับงานTHAIFEX-ANUGA ASIA 2020 ระหว่างวันที่ 22 – 26กันยายน เครือเบทาโกร ร่วมออกบูธจัดแสดงสินค้าอาหารคุณภาพสูง ภายใต้แนวคิด “Sustainable Life”เพื่อสื่อถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบอาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัยสูงเพื่อชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนของทุกคน โดยใช้ภาพเชิงสัญลักษณ์ (Graphic Device)ที่ช่วยสะท้อนตัวตนองค์กรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และปีนี้ผู้ประกอบการ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้บริโภคจะได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์อาหารคุณภาพ และผลิตภัณฑ์ใหม่หลากหลายรายการจากเครือเบทาโกร ทั้งอาหารสด อาหารแปรรูป อาหารพร้อมปรุง และอาหารพร้อมทาน และผลิตภัณฑ์อาหารส่งออก ณ บูธเครือเบทาโกร หมายเลข W01 และ V01 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี และสำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมงาน สามารถติดตามรับชมวิดีโอคลิปพาเยี่ยมชมบูธและสินค้าอาหารของเครือเบทาโกรได้ที่Facebook Betagro Brandอีกหนึ่งช่องทาง