เอสซี กางแผนธุรกิจ 3 ปี สู่เป้าหมาย Living Solutions Provider โกยยอดขายรวมกว่า 60,000 ล้าน ชู 4 กลยุทธ์สร้างการเติบโต พร้อมการก้าวสู่ผู้นำบ้านเดี่ยว
นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้วางแผนระยะ 3 ปี (ปี 2561-2563) หรือ SC RE-INVENTION 2020 ที่จะมียอดรายรวมกว่า 60,000 ล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 20%โดยในปี 2563 ตั้งเป้าหมายยอดขาย 24,000 ล้านบาท รายได้ 22,000 ล้านบาท โดยวางเป้าหมาสู่การเป็น Living Solutions Provider ที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่ หลากหลายใน ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้นบน
สำหรับแนวทางไปสู่เป้าหมายดงกล่าว ได้วาง 4 กลยุทธ์ ได้แก่
1.RE-INVENTION จาก DEVELOPER สู่ LIVING SOLUTIONSPROVIDER ผ่าน 3D ได้แก่ D1 DIGITIZE ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานจาก analog เป็น digital เพื่อจะได้นำ data ทั้งในส่วนการทำงานและความต้องการของลูกค้า (insights) มาวิเคราะห์และพัฒนาให้ดีขึ้น D2 DESIGN ใช้หลัก human-centric ออกแบบสินค้า บริการ และโซลูชั่น (solutions) โดยเริ่มต้น ที่ทำความเข้าใจปัญหา หรือ pain points ในการใช้ชีวิตของลูกค้า และ D3 DEVELOP ประสานนวัตกรรม และพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพในทุกระดับราคา
2.CO-CREATION ด้วยการร่วมกับพันธมิตรในระบบ ecosystem ส่งมอบ living solutions (การพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการหลังการขาย โดย SC และสิ่งอื่นๆ โดยพันธมิตร) ให้ลูกค้าและชุมชนข้างเคียง ภายใต้ living solutions platform ที่เรียกว่า Rue Jai
3.QUALITY FIRST การให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าและบริการ
4.TOP-LINE GROWTH เติบโตทั้งยอดขายและรายได้อสังหาฯ ซึ่งอสังหาฯ เพื่อขายทำหน้าที่หลักขับเคลื่อนการเติบโต ในขณะที่อสังหาฯ เพื่อเช่าทำหน้าที่เป็นการสร้างความมั่นคงทางรายได้ secured income ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อเช่ารวม 1.1แสนตารางเมตร และมีสัดส่วนของกำไรสุทธิสูงถึง 1 ใน 4
ด้านการพัฒนาโครงการเพื่อขายในปีนี้ มีทั้งหมด 19 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการมูลค่า 4,000 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินในปีนี้ 10,000 ล้านบาท วางยอดขายและรายได้ไว้ 17,000 ล้านบาท ยอดขายเติบโตประมาณ 11% จากปีก่อนหน้า
โดยโครงการแนวราบ ได้เตรียมขยายพื้นที่การพัฒนาโครงการไปจังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสของการเติบโตของเมือง จากการพัฒนาโครงการ EEC ในปี 2020 สัดส่วนมูลค่ายอดขายแนวราบ กรุงเทพฯ จะมีสัดส่วน 90% และต่างจังหวัด สัดส่วน 10% โดยยังรักษาผู้นำบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท กับทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาทด้วย
สำหรับโครงการแนวราบ ยังได้เตรียมพัฒนาอีก 2 ทำเล บนที่ดินผืนใหญ่ทำเลกรุงเทพฯ ตะวันออก บริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 115 ไร่ และกรุงเทพฯ ตะวันตก บางกระดี จ.ปทุมธานีกว่า 200 ไร่ ซึ่งจะเปิดขายครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งสัดส่วน 50% ของโครงการใหม่ปีนี้ จะเป็นแบรนด์ PAVE และ VERVE ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับราคา 2-5 ล้านบาท
ส่วนโครงการแนวสูง บริษัท และ SCOPE บริษัทร่วมทุนที่เอสซีฯ ถือหุ้นอยู่ 90% ภายใต้การนำของ นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้านหน้าที่บริหาร ได้เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ในระยะ 3 ปี รวมกว่า 10 โครงการ โดยสัดส่วนหลัก ของรายได้แนวสูงในสามปีนี้ จะมาจากการโอนของ 3 โครงการ ได้แก่ SALADAENG ONE, BEATNIQ, และ 28 CHIDLOM
นายณัฐพงศ์ กล่าวอีกว่า ผลกาดำเนินงานในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายรวม 15,278 ล้านบาท และยอดขายแนวราบ 10,547 ล้านบาท ครองส่วนแบ่งการตลาดฌป็นอันดับ 1 ในกลุ่มบ้านเดี่ยว ราคามากกว่า 15 ล้านบาท และอันดับ 2 บ้านเดี่ยวรวมทุกระดับราคา ในขณะที่ยอดขายจากการบอกต่อมีสัดส่วนอยู่ที่ 18% แสดงถึงความมั่นใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์เอสซี