บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในรูปแบบไฮบริด (Hybrid Meeting) ณ อาคารอินเตอร์ลิ้งค์ (สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก) โดยมีกรรมการบริษัท กรรมการอิสระ กรรมการบริหาร อาสาพิทักษ์สิทธิ์ ตัวแทนผู้สอบบัญชี และผู้ถือหุ้น เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
ผลประกอบการของ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ในปี 2565 ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จ
โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 7,095.66 ล้านบาท เติบโตขึ้น 16.13% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งเป็นรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ 2,514.80 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15.63% และมีกำไรสุทธิ 207.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.86% เมื่อเทียบกับปี 2564 และธุรกิจวิศวกรรมโครงการมีรายได้จำนวน 1,150.82 ล้านบาทลดลง 19.48% และมีกำไรสุทธิ 63.45 ล้านบาท เติบโตขึ้น 21.28% เมื่อเทียบกับปี 2564 ในขณะที่มีรายได้จากธุรกิจโทรคมนาคม 3,430.64 ล้านบาท เติบโตขึ้น 36.87% และมีกำไรสุทธิ 286.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.68% เมื่อเทียบกับปี 2564 ซึ่งผลประกอบการรวมนี้เป็นไปตามเป้าหมายของ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติอนุมัติปรับเพิ่มนโยบายการจ่ายปันผลจากไม่ต่ำกว่า 40% เป็นไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยได้อนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น คิดเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 108.73 ล้านบาท หรือเท่ากับสัดส่วน 62.72% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ทั้งนี้ กำไรสุทธิประจำปี 2565 ของกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ เท่ากับ 541.97 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรสุทธิ (ส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่) เท่ากับ 383.48 ล้านบาท
“นับเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำด้านสายสัญญาณอันดับ 1 ของประเทศ และใหญ่ที่สุดในอาเซียน
นอกจากนี้ ILINK ยังกางแผนยุทธศาสตร์ปี 66 รุกธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Distribution)
สู่ตลาดห้างสรรพสินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (Modern Trade) และตลาดต่างประเทศ ได้แก่ ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม และมัลดีฟส์ พร้อมทั้งชูผลิตภัณฑ์สายโซลาร์เคเบิล (Solar Cable) ที่มียอดขายโตทะลักต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์สายสัญญาณรุ่นใหม่ Low Smoke Zero Halogen (LSZH) ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ เพื่อตอบรับกระแสลดโลกร้อน ในขณะที่ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Engineering) ILINK ปักธงก้าวเป็นเบอร์ 1 ในโครงการสายเคเบิลใต้น้ำของประเทศไทย หลังชนะราคาต่ำสุดการประมูลงานก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำระบบ 115 KV ไปยังเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี มูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
“นับเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำด้านสายสัญญาณอันดับ 1 ของประเทศ และใหญ่ที่สุดในอาเซียน อีกทั้งยังเป็นทิศทางที่ดีสำหรับการดำเนินธุรกิจของ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ที่เตรียมพร้อมเดินหน้า พัฒนา ขับเคลื่อนทุกๆ ธุรกิจ ให้สอดรับกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีการขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ตลอดจนยังคงตอกย้ำถึงจุดยืนด้านคุณภาพ และการมีสินค้าที่มากพอรองรับการขยายตัวเพิ่มของเศรษฐกิจ ทั้งใน และต่างประเทศที่เติบโตมากขึ้นหลังจากฝ่าวิกฤตการณ์โลก ทำให้มีความมั่นใจอย่างสูงว่า ทุกธุรกิจ ในเครือกลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จะสามารถสร้างยอดขาย และทำกำไรเติบโตทุกไตรมาส มีผลการดำเนินงานทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ การจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่านอย่างสม่ำเสมอ สะท้อนให้เห็นถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ซึ่งเป็นสัญญาณอันดีของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในระยะยาวอีกด้วย เพื่อหนุนนำทำให้ธุรกิจมีฐานทัพที่แข็งแกร่ง และเติบโต ต่อเนื่อง อย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” คุณสมบัติ อนันตรัมพร กล่าวเสริมตอนท้าย