CPF รวมพลังพนักงาน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ
"ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน" จ.สมุทรสาคร ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ สานต่อโครงการ “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” เข้าสู่ปีที่ 10 ผนึกพลัง 3 ประสาน ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน เดินหน้าเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน ปลูกเสริม วัดผลและติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างสมดุลระบบนิเวศ ส่งเสริมการสร้างความมั่นคงทางอาหาร สนับสนุนชุมชนในพื้นที่อยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน
กิจกรรมในวันนี้ (28 เม.ย.) ผู้บริหารและพนักงานซีพีเอฟ ร่วมด้วยเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าพันท้ายนรสิงห์ และชาวชุมชนตำบลบางหญ้าแพรก จังหวัดสมุทรสาคร รวมกว่า 100 คน ร่วมกันปลูกต้นโกงกางใบเล็ก จำนวน 500 ต้น บริเวณปากอ่าวแม่น้ำท่าจีน พื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าพันท้ายนรสิงห์ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อเพิ่มความหลากหลายของพันธุ์ไม้ในพื้นที่ ซึ่งซีพีเอฟดำเนินโครงการ “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” มาตั้งแต่ปี 2557 โดยมีนายอดิศร สุจารี ประธานคณะทำงานโครงการซีพีเอฟปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน พื้นที่ยุทธศาสตร์สมุทรสาคร เป็นประธานเปิดกิจกรรม
นายวีระยุทธ เกษสกุล หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าพันท้ายนรสิงห์ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่มีความมุ่งมั่นดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนร่วมกับภาครัฐ แก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่อ่าวไทยตัวก. จังหวัดสมุทรสาคร จนประสบความสำเร็จ จากการดำเนินโครงการซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน นับจากปี 2557 จนถึงปัจจุบัน ด้วยการถอดบทเรียนความสำเร็จจากปราชญ์ชาวบ้านที่ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ ที่สำคัญคือ มีการวัดผลและติดตามอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันผืนป่าชายเลนที่นี่ กลายเป็นผืนป่าที่เป็นต้นแบบของการฟื้นฟูป่าชายเลนให้กับพื้นที่อื่นๆของจังหวัด เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้า วิจัย ด้านธรรมชาติวิทยาของระบบนิเวศป่าชายเลน และปากแม่น้ำท่าจีน เป็นต้นทางของการสร้างแหล่งอาหารที่มั่นคงของชุมชน
“ขอขอบคุณซีพีเอฟในความตั้งใจและมุ่งมั่นทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน ทรัพยากรธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตและเศรษฐกิจ ตลอด 9 ปีที่ผ่านมาในความร่วมมือ 3 ประสาน เราเห็นผลสำเร็จในการฟื้นฟูป่าชายเลน พื้นที่ต.บางหญ้าแพรก 604 ไร่ กลับมาอุดมสมบูรณ์ เกิดความหลากหลายทางชีวภาพของทรัพยากรสัตว์น้ำที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น สร้างแหล่งอาหารให้กับชุมชนและกลายเป็นแหล่งทำมาหากินของคนในพื้นที่ ส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเองอย่างยั่งยืน” นายวีระยุทธ กล่าว
ทางด้าน นายอดิศร สุจารี ประธานคณะทำงานโครงการซีพีเอฟปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน พื้นที่ยุทธศาสตร์สมุทรสาคร กล่าวว่า ซีพีเอฟ ดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร มุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นต้นทางของการผลิตอาหารให้กับผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทรัพยากรในกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ หนึ่งในความมุ่งมั่นที่มีการดำเนินการมาอย่างยาวนาน คือการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน ระบบนิเวศระหว่างบกและทะเล ซึ่งเป็นศูนย์รวมความหลากหลายที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต
“การปลูกป่าชายเลนครั้งนี้ เป็นอีกกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมของเพื่อนพนักงานชาวซีพีเอฟ ตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ ช่วยกันเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ และลงมือทำอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ ทั้งพืช และสัตว์ ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และให้ความสำคัญไปถึงการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของชุมชนและป่า ด้วยการสนับสนุนการรวมตัวของคนในชุมชนพัฒนาพื้นที่ ต.บางหญ้าแพรก เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวิถีชุมชน ด้วย 4 ฐานกิจกรรม ทั้งฐานนาเกลือ ฐานสถานีส่งเสริมอาชีพชุมชน ฐานขนมไทย และฐานเรือจำลอง สร้างรายได้เสริมให้ชาวชุมชน และร่วมคิดร่วมทำกับชุมชนดำเนินโครงการกับดักขยะทะเล สร้างมูลค่าเพิ่มจากขยะเสริมรายได้ชุมชนตามแนวทาง BCG” นายอดิศร กล่าว
ซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้กลยุทธ์ 3 เสาหลักสู่ความยั่งยืน “อาหารมั่นคง สังคมพึ่งตน และดิน น้ำ ป่าคงอยู่” เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ทั้งในภาวะปกติและในสถานการณ์วิกฤต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้ความท้าทายจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) บริษัทฯตระหนักถึงการมีส่วนร่วมเพิ่มพื้นที่ป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน และการปลูกต้นไม้ในสถานประกอบการ ซึ่งในการดำเนินโครงการ “ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้อง ป่าชายเลน” ตั้งแต่ปี 2557- 2561 อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลน รวม 2,400 ไร่ ปัจจุบันเข้าสู่ระยะที่สองของโครงการ (ปี 2562-2566) มีเป้าหมายอนุรักษ์ ฟื้นฟูและปลูกป่าใหม่ อีก 2,800 ไร่ ในพื้นที่ยุทธศาสตร์ จ.สมุทรสาคร ระยอง และตราด./